ลิซานโดร มาร์ติเนซ แนวรับคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นกองหลังที่ได้รับการจับตาอย่างมากในตอนนี้ เพราะแข้งอาร์เจนไตน์รายนี้มีส่วนสูงเพียง 175 เซนติเมตร แต่ต้องลงเล่นในลีกที่ขึ้นชื่อว่าหินสุดๆ นั่นจึงทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่เมื่อผ่าน 2 เกมแรกของศึกพรีเมียร์ลีก คำครหาก็เริ่มหายไปกลายเป็นคำชม เมื่อเขาโชว์ฟอร์มได้เปรี้ยงปร้างมาก จนตอนนี้ยึดตำแหน่งผู้เล่นหลักของ “ปีศาจแดง” เรียบร้อย ซึ่งบทความนี้ เทพแมนยู จะพาไปเจาะลึกกับเจ้าของฉายา The Butcher หรือ “นักเชือด” รายนี้กัน
จุดเริ่มต้นของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ
ลิซ่า เริ่มเข้าสู่ทีมเยาวชนตั้งแต่อายุได้เพียง 4 ขวบ กับทีม คลับ ยูคุยซ่า จนกระทั่งอายุได้ 16 ปี เขาจึงได้เซ็นสัญญากับทีมเยาวชนของสโมสร นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ ในลีกสูงสุดของประเทศอาร์เจนติน่า และถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2017 ด้วยอายุเพียง 19 ปี แต่ในตอนนั้นเขาได้ลงเล่นกับทีมเพียง 1 เกมเท่านั้น ก็ถูกปล่อยยืมไปหาประสบการณ์อยู่กับสโมสร เดเฟนซา วาย จัสติเชีย และก็ถูกทาง เดเฟนซา ซื้อขาดไปในที่สุด
หลังจากย้ายมาอยู่กับ เดเฟนซา วาย จัสติเชีย ในปี 2017 ลิซานโดร มาร์ติเนซ ก็ถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนติน่าในระดับอายุต่ำกว่า 20 ปีเป็นครั้งแรก และ 2 ปีถัดไป เขาก็ถูกขยับไปเล่นในระดับอายุต่ำกว่า 23 ปี ก่อนจะถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่ และได้ลงเล่นในเดือนมีนาคม 2019 ลิซ่าถือเป็นส่วนหนึ่งของทัพ “ฟ้าขาว” ที่คว้าแชมป์ โกปา อเมริกา ปี 2021 และรอบชิงชนะเลิศในปี 2022
ตลอด 2 ปีกับ เดเฟนซา วาย จัสติเชีย เขาแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ นั่นจึงไปเข้าตาแมวมองของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จนกระทั่งปี 2019 สโมสรดังจากฮอลแลนด์ จึงได้ยื่นข้อเสนอมูลค่า 7 ล้านยูโร ดึงตัวกองหลังคนนี้ไปร่วมทีมในที่สุด ซึ่งหลังจากมาร์ติเนซย้ายมาอยู่กับ อาแจ็กซ์ ลิซ่าก็โชว์ผลงานร้อนแรงได้ทันที และได้รับการโหวตให้เป็น แมนออฟเดอะแมตช์ ในเกมที่ 2 หลังจากย้ายมาในลีก เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์
เป็นแนวรับที่ เอริก เทน ฮาก ไว้ใจ
ช่วงเวลาที่ฮอลแลนด์ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ถือเป็นตัวปัดกวาดแนวรุกที่ เอริก เทน ฮาก ไว้อกไว้ใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาจะมีรูปร่างที่สูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว ซึ่งถือว่าค่อนข้างเตี้ยสำหรับตำแหน่งกองหลัง แต่ในด้านจุดเด่น เขาถือเป็นแนวรับที่ความดุดันสูง บวกกับการเข้าสกัดที่หนักหน่วง และแม่นยำ นั่นจึงทำให้ลิซ่าได้รับฉายา นักเชือด
หลังจาก เทน ฮาก เข้ามารับงานผู้จัดการทีมในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด กุนซือ “ชาวดัตซ์” ก็ไม่รังเรใจที่จะดึงศิษย์รัก มาร่วมงานกันอีกครั้งในสโมสรใหม่ เพราะเชื่อในศักยภาพของแข้งอาร์เจนไตน์ ทางแมนยูจึงยื่นข้อเสนอไปให้ยอดทีมจากเนเธอร์แลนด์ เป็นจำนวนเงิน 48.5 ล้านปอนด์ บวกโบนัสเพิ่มเติมอีก 8.5 ล้านปอนด์ในอนาคต และเซ็นสัญญากับกองหลังตัวจี๊ดระยะเวลา 5 ปี จนถึงปี 2027
หลังจาก มาร์ติเนซ เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทันที เพราะด้วยรูปร่างที่เล็ก จึงถูกตั้งคำถามว่า จะไหวหรอ กับลีกที่ขึ้นชื่อว่า เข้าปะทะกันตลอดทั้งเกม บวกกับเน้นสภาพร่างกาย ความแข็งแกร่ง เป็นปัจจัยสำคัญ แถมยังต้องมีทักษะฟุตบอลที่ดี และมีความไวพอสมควร
แต่ก็อย่างที่หลายคนรู้กัน ลิซานโดร มาร์ติเนซ โชว์ฟอร์มได้ดีจนหลายๆ สื่อยกให้เป็น แมนออฟเดอะแมตซ์ แม้จะทำผลงานได้ไม่ดีใน 2 นัดแรก แต่เมื่อถูกจับมาเล่นคู่กับ ราฟาเอล วาราน และการวางแท็คติกส์ใหม่ของ เทน ฮาก ฟอร์มของเจ้าตัวก็เปลี่ยนไปทันที และตอนนี้ก็ถือเป็นกำลังหลักให้กับต้นสังกัดใหม่เป็นที่เรียบร้อย
ตำแหน่ง และสไตล์การเล่นของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ
ในตอนที่ เอริก เทน ฮาก ดึง ลิซานโดร มาร์ติเนซ มาอยู่กับ อาแจ็กซ์ เดิมทีลิซ่าถูกดึงตัวเข้ามาเพื่อเป็นแบ็คอัพให้กับ นิโคลัส ตาเกลียฟิโก้ ในตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่ด้วยความที่เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นมากเรื่องการผ่านบอล เขาจึงถูกปรับมาเป็นกองกลางตัวรับในแผนการเล่น 4-2-3-1
อย่างไรก็ตาม มาร์ติเนซ ถูกเปลี่ยนบทบาทอีกครั้ง เมื่อ ดาลี่ย์ บลินด์ ถูกโยกจากเซ็นเตอร์มาเป็นแบ็คซ้ายทดแทนที่ของ ตาเกลียฟิโก้ ที่ฟอร์มหลุดแบบดื้อๆ นั่นจึงทำให้กองหลังอาร์เจนไตน์ ได้ลองประเดิมในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง และเขาได้ถูกจับคู่กับ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ก่อนที่นั่นจะกลายเป็นตำแหน่งถาวรไปในที่สุด
ลิซานโดร มาร์ติเนซ เป็นกองหลังที่มีทักษะการผ่านบอลที่แม่นยำ เหมาะสมกับฟุตบอลที่เน้นการขึ้นเกมจากด้านหลัง และแม้จะเล่นให้กับ อาแจ็กซ์ ที่รู้กันดี ว่าถล่มคู่แข่งเป็นว่าเล่นด้วยสกอร์ขาดลอยเป็นประจำ แต่เขาก็มีส่วนร่วมกับเกมรับอยู่ตลอดในยามที่ทีมถูกจู่โจม นั่นจึงทำให้ ลิซ่า ติดท็อป 10 ของ เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ ทั้งในจำนวนการเข้าปะทะ และการตัดบอลต่อเกม
แม้ มาร์ติเนซ จะมีสไตล์การเล่นที่ดุดัน และเล่นแบบถึงลูกถึงคน แต่ทว่าเขากลับได้รับใบเหลืองเพียงแค่ 6 ใบ จากจำนวน 36 เกมตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งน้อยกว่า ลุค ชอว์ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เสียอีก นอกจากนี้ ลิซ่า ยังมีอัตราการเอาชนะลูกกลางอากาศที่ 3.7 ครั้งต่อเกม และ 80 ครั้งตลอดทั้งฤดูกาล ซึ่งเทียบเท่ากับ แม็คไกวร์ ที่สูงกว่าเขาถึง 7 นิ้ว
มิหนำซ้ำ เขายังมีความสามารถทางเทคนิค เล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และชาญฉลาด บวกกับการรับมือกับแนวรุกที่มีความเร็วได้ดีมาก ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟยุคใหม่ ที่หลายสโมสรต่างจับตามอง ซึ่งหลังจากนี้คงต้องรอดูต่อไป ว่าฟอร์มของแข้งวัย 24 ปี กับสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้.