แอนโทนี่ ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ เอริก เทน ฮาก ดึงเข้ามาเป็นขุมกำลังให้กับทีม ช่วงท้ายตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมควักกระเป๋ากว่า 100 ล้านยูโร เพื่อเอาตัวเขามาจาก อาแจ็กซ์ นั้นจึงทำให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยบทความนี้ เทพแมนยู ไม่ได้มาเล่าถึงเกียรติประวัติ หรือทักษะเทคนิคการเล่นของเขา แต่อยากจะเล่าถึง ชีวิตในวัยเด็กที่มีความเป็นนักสู้ในสิ่งที่รัก จนทำให้เขาได้มายืนอยู่ในจุดนี้
จุดเริ่มต้นของ แอนโทนี่
แอนโทนี่ มาเธอุส ดอส ซานโตส เกิดที่ โอซาสโก้ เขตชานเมืองอุตสาหกรรม ของ เซา เปาโล ประเทศบราซิล เขาเติบโตมาในชุมชนแออัด “อินเฟอร์นินโญ่” ดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่านรกบนดิน ที่แห่งนั้นถูกครอบงำด้วยปัญหาทั้ง ยาเสพติด, ฆาตกรรม และอันธพาล สิ่งเลวร้ายแอบอยู่ตามที่อาศัย
หากเจาะลึกลงไป พ่อของเขาเป็นช่างทำกุญแจ ขณะที่แม่เป็นพนักงานร้านขายเสื้อผ้า และรองเท้า การที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย ทำให้ต้องหาเช้ากินค่ำ ผ่านการตรากตรำ และต่อสู้กับความลำบาก พล็อตเรื่องแบบนี้เดาไม่ยาก ไม่ต่างจากนักบอลอีกมากมายในประเทศบราซิล โดยบ้านของ แอนโทนี่ ไม่หรูหรา ส่วนเงินก็แทบจะไม่มี อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็จับมือฝ่าฟันกันมาได้
ปีกขวาบราซิลเลียน เล่าว่า “ชีวิตของผม ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมามากมาย ย้อนเวลากลับไป ผมไม่มีรองเท้าฟุตบอลใส่ ผมไม่มีอะไรจะกินด้วยซ้ำ ช่วงเวลาตี 3 หรือตี 4 ผมต้องมานั่งวิดน้ำออกจากบ้าน เพราะบ้านของผมน้ำท่วม ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก กระนั้น ผมก็ผ่านพ้นมาด้วยรอยยิ้ม ผมมองว่ามันคุ้มค่า เพราะผมเก็บเกี่ยวสิ่งที่อดทนในอดีต ช่วงเวลาเหล่านั้น เพาะบ่มให้ผมมีทุกวันนี้”
ไอดอลในดวงใจ และบรรยากาศในการเล่นฟุตบอล
แม้ว่าที่บ้านของ แอนโทนี่ จะยากจนถึงขั้นไม่มีรองเท้าฟุตบอลสวมใส่ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความรักที่มีต่อฟุตบอลได้ นั้นจึงทำให้เขาเลือกที่ลงวาดลวดลายด้วยเท้าเปล่า และใช้สนามแถวบ้านเป็นลานประลองประจำ พร้อมกับมี โรนัลดินโญ่ และ โรนัลโด้ R9 เป็นไอดอลในดวงใจ
แอนโทนี่ บรรยายถึงบรรยากาศที่บ้านของตนว่า “ผมลงเล่นฟุตบอลในชุมชน ผมอาศัยอยู่ในสลัม และอยู่ที่นั่นมาเสมอ จนมีโอกาสเล่นฟุตบอลอาชีพกับ เซา เปาโล ผู้คนแทบไม่อยากเชื่อว่า หลังจบเกมแล้ว เด็กสลัมอย่างผมที่ปรากฏตัวในทีวี จะย้อนกลับไปที่แห่งนั้น ความจริงแล้ว ผมไม่อยากจากไปไหนเลย”
“ความทรงจำของผมคือ การเล่นฟุตบอลแบบเท้าเปล่า เพราะผมไม่มีรองเท้าใส่ ผมเล่นฟุตบอลในสนามกับเพื่อนๆ ตั้งแต่กลางวันถึงพลบค่ำ นี่คือความทรงจำที่ฉาบไปด้วยความสุข ผมไม่อายที่จะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ ทุกย่างก้าวที่ผ่านมา ถือว่าแสนคุ้มค่า ทำให้ผมมีประสบการณ์เหมือนทุกวันนี้”
ความฝันของ แอนโทนี่
แอนโทนี่ ซานโตส บอกถึงตัวตนว่า เขามีความฝันเพียงอย่างเดียว คือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยเป็นปลายทางที่จะนำพาเขา และครอบครัว หลุดพ้นจากความยากลำบาก ความปรารถนาอันแรงกล้า ทำให้เขาก้าวมาสู่อะคาเดมี่ของสโมสร เซา เปาโล ด้วยวัยเพียง 12 ขวบ
ก่อนก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในอีก 6 ปีถัดมา และมีธงชาติบราซิลติดตรงหน้าอกด้านซ้าย ผลสุดท้ายเขาลงเอยด้วยการมาเล่นในลีกยุโรปกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และล่าสุดย้ายไปอยู่กับ “ปีศาจแดง” ด้วยค่าตัวมูลค่า 86 ล้านปอนด์ หรือ 100 ล้านยูโร
ปีกขวาบราซิลเลียน เล่าว่า “ผมเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวเสมอมา เมื่อผมต้องการอะไรบางอย่าง ผมก็จะลงมือทำ จนกว่าจะได้มันมา แผนแรกของผมคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมไม่เคยมีแผนสอง ผมมีแผนแรกเพียงแค่แผนเดียว”
“ผมจะทำตามแผนนั้น จนกว่ามันจะสำเร็จ เพื่อเป็นการเติมเต็มความฝันของผม และครอบครัว ผมมีความคิดนี้อยู่เสมอ ผมนึกไม่ออกเลยว่า ผมจะทำอะไรอย่างอื่นได้ ผมเชื่อมั่นเสมอว่าตัวเองทำได้ โดยไม่สนใจความยากลำบากที่เข้ามา”
แอนโทนี่ ใช้ชีวิตดั่งที่ฝันไว้
แอนโทนี่ บอกถึงเบื้องหลังในการย้ายมาเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไว้ว่า “แม่โทรหาผมทุกวันเลย ส่วนพ่อก็ส่งข้อความมาหาเช่นเดียวกัน พี่สาวก็ด้วย ครอบครัวคอยถามผมว่า -เกิดอะไรขึ้นบ้าง ?, ทุกอย่างโอเคมั้ย? มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?- ครอบครัวเป็นกังวลมากกว่าผมเสียอีก”
“เมื่อครอบครัวรู้แล้วว่า ผมย้ายมาร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาก็ร้องไห้โฮออกมาเลย ผมมาจากครอบครัวที่อ่อนน้อมถ่อมตน ดังนั้น เมื่อเราทำอะไรบางอย่างสำเร็จ เราจะขอบคุณพระเจ้า และจดจำทุกอย่างในเส้นทางเดิน”
“สุดท้าย …. มีเพียงผม และครอบครัวเท่านั้นที่รู้ว่า เราผ่านอะไรกันมาบ้าง เช่นเดียวกับขวากหนามที่เราต้องเผชิญ เรามักจะจดจำทุกสิ่งที่เราฝ่าฟันมา เพื่อใช้ชีวิตดั่งความฝัน เหมือนทุกวันนี้”.