เมื่อคืนที่ผ่านมา ในรายการ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดแรกของกลุ่มอี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพ่ายต่อ เรอัล โซเซียดาด 0-1 โดยการเสียจุดโทษในนาทีที่ 58 ของเกมการแข่งขัน จากการที่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เข้าสกัดบอล และบอลแฉลบขึ้นมาโดนศอก ถึงแม้จะมี VAR เช็คเหตุการณ์ย้อนหลังก็ตาม
เหตุการณ์ที่ มาร์ติเนซ เสียจุดโทษ
เหตุการณ์นี้ ดาบิด ซิลบา ได้จังหวะซัดในกรอบเขตโทษ และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่ถูกส่งลงเป็นตัวสำรองในเกมเมื่อคืน พยายามพุ่งเข้ามาบล็อกบอล โดยไม่ได้มีเจตนากางแขนตัวเองให้ใหญ่ขึ้นอย่างผิดธรรมชาติเพื่อขวางลูกยิง แถมบอลยังโดนเข่าของกองหลังทีมชาติอาร์เจนตินาก่อนที่จะเด้งไปโดน “ศอก” ด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นศึกพรีเมียร์ลีก จังหวะดังกล่าว “ปีศาจแดง” ไม่มีทางเสียจุดโทษเพราะเป็นแฮนด์บอลได้เลย แต่ผู้ตัดสินในสนามอย่าง มาร์โก ดิ เบลโล่ ชาวอิตาลี เป่าให้ทีมเยือนได้จุดโทษ เหมือนตั้งใจจะให้ เรอัล โซเซียดาด ได้ประโยชน์กับจังหวะนี้ แถมยังแจกใบเหลืองให้ มาร์ติเนซ อีกต่างหาก
นั้นจึงทำให้ ผู้เล่นเจ้าถิ่นพยายามเข้าไปประท้วงเพราะมองว่า ลูกบอลไปโดนส่วนอื่นก่อนจะมาโดนแขนของ มาร์ติเนซ และไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ผิดธรรมชาติ เพราะฉะนั้นฝ่ายเจ้าบ้านจึงมองว่าจังหวะนี้ไม่ควรเป็นจุดโทษ
กฏระบุไว้ว่าอย่างไร
ตามกฏระบุไว้ว่าจะเป็น “แฮนด์บอล” ก็ต่อเมื่อ ผู้เล่นสัมผัสโดนบอลด้วยแขน หรือมือในท่าทางที่ทำให้ร่างกายดูใหญ่กว่าปกติ โดยผู้เล่นจะถูกพิจารณาว่าทำให้ร่างกายของตนเองใหญ่กว่าปกติ หรือเมื่อตำแหน่งของมือกับแขนไม่ได้มาจากการเคลื่อนไหว ของร่ายกายผู้เล่นในสถานการณ์ตอนนั้น
ซึ่งในเกมเมื่อคืน ผู้ตัดสินอาจมองว่าแขนของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ หรือบอลทูแฮนด์ โดยวิถีบอลนั้นพุ่งเข้าประตู จึงสมควรเป็นจุดโทษ เพราะถ้าบอลไม่โดนแขนก็มีโอกาสจะเป็นประตู
โดยการตีความครั้งนี้เกิดคำถามขึ้นในวงกว้าง และนี้เป็นอีกกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ VAR และเริ่มมีการเรียกร้องให้พัฒนาเทคโนโลยีช่วยตัดสินนี้ให้ดีขึ้นมากกว่านี้
สถิติเกมเมื่อคืนของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ
แม้ปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์ จะมีจุดด่างพร้อยแบบไม่ตั้งใจในเกมนี้ แต่ต้องบอกว่า ลิซานโดร มาร์ติเนซ ทำผลงานส่วนตัวได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะในฐานะตัวสำรอง เริ่มจาก มีสถิติการดวลโหม่งชนะ 100%, เลี้ยงบอลสำเร็จ 100%, ชนะการดวลคู่แข่ง 100%, สัมผัสบอล 52 ครั้ง, ผ่านบอล 34 ครั้ง, สกัดจังหวะอันตราย 2 ครั้ง และจ่ายบอลจังหวะสำคัญ 1 ครั้ง.