ช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คงเป็นคืนที่สาวกปีศาจแดงได้ยิ้มกันทั่วหน้า หลังจากทีมเปิดบ้านเก็บชัยจากคริสตัล พาเลซ มา 1-0 ประเดิมกุนซือชั่วคราวคนใหม่อย่างสวยงาม แถมรูปเกมของปีศาจแดง ยังชวนเพลินตาเล่นดีผิดหูผิดตา และเหนือกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน มีโอกาสลุ้นทำประตูมากมายๆ แม้ครึ่งหลังจะแผ่วลง แต่ประตูชัยก็มาจากในช่วงครึ่งหลัง จากการปั่นสวยๆ ของ เฟร็ด ที่ช่วยแมนยูเก็บชัย ล้างอาถรรพ์การปราชัยคาบ้านให้ “ปราสาทเรือนแก้ว” ถึง 2 ปี
ราล์ฟ รังนิก จัดทัพโดยใช้ผู้เล่น 11 ตัวจริงจากชุดของ ไมเคิล คาร์ริค เกมที่เปิดบ้านเก็บชัยจาก อาร์เซน่อล 3-2 ทุกตำแหน่ง และแผน 4-3-3 แต่ที่จริงแล้วเป็น 4-2-2-2 โดยใช้ฟูลแบ็ค 2 ข้างขึ้นมาเติมเหมือนเป็นปีก ส่วนคู่หูกลางรับคู่เดิม คือ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ด คอยช่วยปิดตำแหน่งที่ว่าง ส่วนมิดฟิลด์ตัวรุกใช้ บรูโน่ แฟร์นานเดส กับ เจดอน ซานโช่ ที่เป็นทั้ง หน้าต่ำ และหน้ากึ่งปีกตามจังหวะของเกม และขยับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปเป็นหัวออกแดนหน้าคู่กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ในครึ่งแรกเป็นการเล่นที่ดูแล้วสนุกมาก มีจังหวะบุกลุ้นๆ อยู่หลายช็อต ซึ่งแฟนผีไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้มานานมาก การยืนตำแหน่งของผู้เล่นดูเข้าใจกันและกันมากขึ้น เรื่องการ “เพรส” ไม่น่าเชื่อว่าแมนยู จะทำตรงจุดนี้ได้ดีขึ้นเพียงระยะเวลา 2 วัน ดูแล้วเห็นความแตกต่างกับยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
ผู้เล่นบีบสูงแล้วรุมกดดัน เพรสซิ่งเพื่อต้องการเอาบอลกลับมาครอบครอง และยังบีบเข้าบอลเร็วแบบเป็นทีมมากขึ้น การต่อบอลทำชิ่งได้เนียนตา แถมยังรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น เรียกว่าเล่นมีความเป็นทีมเวิร์ค ไม่ต่างคนต่างเล่น แบบสะเปะสะปะเหมือนก่อนหน้า
ทางด้าน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ถูกพูดถึงว่าไม่เหมาะกับระบบ แสดงความเป็นมืออาชีพสุดๆ วิ่ง “เพรส” เกือบทั้งเกม กดดันอยู่ตลอดเวลามากกว่าเด็กๆ หลายคนมาก โชว์ให้เห็นถึงความฟิตในวัย 36 ปี แม้จะดูแผ่วลงในช่วงท้ายเกม
เทพเฟร็ด นัดนี้ออร่าจับสุดๆ จากยุคของคาร์ริค จนมาถึงยุครังนิก เขาฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเกมรับ และการช่วยเพื่อนเล่นเกมรุก แถมการจ่ายบอลดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยลูกยิงเมื่อคืนเป็นการไหลคืน ด้วยน้ำหนักธรรมชาติของกรีนวู้ด และเป็นเฟร็ดที่ยืนโล่งๆ ยิงด้วยขวาเท้าข้างไม่ถนัด บอลหยดย้อยข้ามหัว เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ผิดกับลูกชิบหายที่ยิงใส่เมนดี้คนละคน
อเล็กซ์ เตลเลส และ ดิโอโก้ ดาโลต์ ฟูลแบ็ค 2 ข้างที่มาแทน ลุค ชอว์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า เกมนัดนี้ฟอร์มเรื่องเกมรับดีขึ้นมาก ดาโลต์จัดการ วิลฟรีด ซาฮา ได้อยู่หมัด เรื่องเกมรุกไม่ต้องพูดถึง ทั้งสองเติมเกมรุกได้ดีอยู่แล้ว แต่นัดนี้ยิ่งช่วยให้เพื่อนเล่นได้ง่ายขึ้นมาก คอยเติมเกมที่ตันๆ ให้กับมาลื่นไหล
เซ็นเตอร์แบ็ก แม็คไกวร์ และ ลินเดอเลิฟ ดันเกมรุกได้แบบสบายใจ และคอยตามเก็บงานได้อย่างดี จนแนวรุกของพาเลซเล่นไม่ออก และตอบแทน เด เคอา ที่ช่วยชีวิตทีมอยู่ตลอดในซีซั่นนี้ ได้เก็บคลีนชีทหนแรกในบ้านกับเขาซักที
เกมแรกอะไรก็หอมหวานไปหมด ต่อไปเป็นเกมที่ต้องเปิดบ้านพบกับ ยัง บอยส์ มารอดูกันว่าศาสตราจารย์ ราล์ฟ รังนิก จะเพิ่มแท็คติกส์อะไรให้ลูกทีม และจะพาทีมกลับเข้าใกล้ยุคทองได้ขนาดไหน
สถิติเมื่อคืน ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บคลีนชีตในบ้านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่พวกเขาเอาชน กรานาด้า 2-0 ในการแข่งขัน ยูโรป้า ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว หรือ 234 วันก่อน
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายของ พาเลซ 77 ครั้ง มากที่สุดที่พวกเขาทำได้ในเกม พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แย่งบอลคืนมาได้ 12 ครั้งในพื้นที่สุดท้าย มากที่สุดในเกม พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่หมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
- เฟร็ด ทำประตูได้ 2 ลูกจากการลงเล่น 12 นัดหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งถือว่ามากที่สุดเท่าที่เขาทำได้หลังก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลาถึง 76 นัด หรือ 3 ฤดูกาลแรกของเขากับแมนยู
- เฟร็ด นอกเหนือจากการทำประตูชัยแล้ว เขายังชนะเอาชนะการเข้าปะทะ 7 จาก 9 ครั้ง และผ่านบอลยาวได้แม่นยำ 5 จาก 6 ครั้ง
- ราล์ฟ รังนิก เป็นกุนซือชาวเยอรมันคนแรก ที่ชนะเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก หลังก่อนหน้านี้ เฟลิกซ์ มากัธ, เยอร์เก้น คล็อปป์, ยาน ซีเวิร์ต, ดาเนี่ยล ฟาร์เก้ และ โธมัส ทูเคิ่ล ไม่มีใครสามารถทำได้
- ราล์ฟ รังนิก กลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่สี่ที่ชนะเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร่วมกับ เดวิด มอยส์, โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
- เพียง 30 นาทีแรกของเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสยิง 10 ครั้ง มากกว่าเกมที่พ่าย วัตฟอร์ด ทั้งเกม