คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวกระหายอยากย้ายออกจากทีมในซัมเมอร์นี้ เพื่อลงเล่นฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ถึงปัจจุบันซึ่งตลาดนักเตะจะปิดตัวลงในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เจ้าตัวยังไม่ได้ย้ายสังกัด ซึ่งเหตุผลสำคัญน่าจะเป็นเพราะค่าเหนื่อยที่มีจำนวนมหาศาล ถึง 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
พร้อมกันนี้ ในเกมที่แมนยูบุกไปแพ้ เบรนท์ฟอร์ด เละเทะ 4-0 สัปดาห์ก่อน CR7 แสดงพฤติกรรมที่ย่ำแย่ให้เห็นอีกตามเคย เนื่องจากไม่ยอมเดินไปปรบมือขอบคุณแฟนบอลหลังจบเกม ทั้งยังไม่จับมือกับผู้จัดการทีมอย่าง เอริก เทน ฮาก บทความนี้ เทพแมนยู จึงอยากพาย้อนกลับไปในฤดูกาล 2008/09 สมัยที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กำลังจะย้ายไป เรอัล มาดริด ว่าพฤติกรรมในตอนนั้นมันแตกต่างกับตอนนี้ หรือไม่?
เหตุการณ์ “ในตอนนั้น” ฤดูกาล 2007/08
บรรยากาศ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉลองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2008 ที่กรุงมอสโก จัดว่าชื่นมื่นดื่มด่ำสุดๆ ตอนนั้นฟอร์มของ โรนัลโด้ พีคสุดขีด ยิงในฤดูกาลเดียว 42 ประตูจาก 49 เกมทุกรายการ ระเบิดตาข่ายแบบสุดยอดมากๆ ทำให้เจ้าตัวผงาดได้รับรางวัล บัลลงดอร์ ในปีนั้นไปครอง
แต่เหตุการณ์ช่วงที่ฉลองแชมป์ ยูซีแอล มีอยู่จังหวะหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กอดคอพูดคุยกระหนุงกระหนิง แล้วทำท่าชูนิ้วชี้ขึ้นมา เหมือนต้องการบอกอะไรบางอย่าง ทำให้ บรรดาเกจิ หรือพวกกูรูนักอ่านใจเชื่อว่า น่าจะเป็นการขอร้องให้อยู่ช่วยทีมอีกสักปีเถอะ อย่าเพิ่งรีบย้ายเลย เพราะ เฟอร์กี้ รู้ดีว่า โรนัลโด้ กระเหี้ยนกระหือรืออยากซบ เรอัล มาดริด เป็นที่สุด
ปัญหาระหว่าง ป๋าเฟอร์กี้ และ รามอน กัลเดร่อน
สื่อสเปนรายงานเป็นเสียงเดียวกันว่า ฮอร์เก้ เมนเดส เอเยนต์ผู้อยู่เบื้องหลัง เดินเรื่องเจรจากับ รามอน กัลเดร่อน ซึ่งเวลานั้นยังดำรงตำแหน่งประธาน “ราชันชุดขาว” อยู่แบบไปไกลเกินกว่าจะถอนคันเร่ง มีการตกลงเรื่องระยะเวลาสัญญา รวมทั้งค่าจ้างแบบเบ็ดเสร็จทุกอย่าง โรนัลโด้ จะขึ้นแท่นเป็นแข้งค่าเหนื่อยแพงสุดในโลกทันที
แต่ต้องได้รับการยินยอมจากแมนยูด้วย โดยนี่แหล่ะที่เป็นเรื่องยากที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้ไม้ตายขอค่าตัว 80 ล้านปอนด์ และหากย้อนไปเมื่อ 14 ปีก่อน นี่มันตัวเลขมหาศาล ซึ่งมาดริดไม่จ่ายหรอก สถิติแพงสุด ซีเนดีน ซีดาน ถือครองอยู่ตอนย้ายจาก ยูเวนตุส ไปอยู่ในถิ่น ซานเตียโก เบร์นาเบว ยังตก 50 ล้านปอนด์เลย โดย เรอัล มาดริด ตั้งไว้ว่า 55-60 ล้านปอนด์ ถือเป็นราคากำลังดี
แต่พอมาเห็นโก่งสุดโต่งอย่างนี้ ต้องรับกลับฐานบัญชาการมาตั้งหลักกันใหม่ เรื่องของเรื่อง เฟอร์กี้ โกรธ กัลเดร่อน ที่ใช้วิธีตีท้ายครัวแบบเคยตัว แอบคุยกับนักเตะ และเอเยนต์เอง แทนที่จะเคาะประตูหน้าบ้าน เข้าตามตรอกออกตามประตู ถามไถ่กันแบบมีมารยาท ไหนจะใช้สื่อทางฝ่ายตัวเองเป็นเครื่องมือคอยโหมข่าวว่า โรนัลโด้ จ่อย้ายมาบ้าง แมนยูขัดขวางทั้งที่ผู้เล่นไร้ใจอยู่ด้วย สารพัดจะสรรหาคอยกดดัน
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงลั่นวาจาไว้ทำนองว่า “ให้ฉันปล่อยแกไปมาดริดนะหรือ? เอาปืนมายิงฉันเลยยังดีกว่า” ย้ำชัดหากซีซั่นหน้ายังรักษามาตรฐานไว้ได้ ช่วยให้ “ปีศาจแดง” ประสบความสำเร็จก็จะยอมให้ย้าย มิหนำซ้ำ ป๋าสนิทกับเมนเดสอยู่แล้ว การคุยกับเอเยนต์ส่วนตัวของโด้จึงไม่ใช่ปัญหา นั่นเลยเป็นเหตุผลทำให้ โรนัลโด้ ต้องทนอยู่อีกปี
โรนัลโด้ ตอนนั้น ในฤดูกาล 2008/09 ต่างจาก “ในตอนนี้” หรือไม่
ในฤดูกาล 2008/09 พฤติกรรมหลายอย่างของ โรนัลโด้ เปลี่ยนไปมาก ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนฝูง มักตีตัวออกห่าง บางครั้งก็ไม่มาร่วมงานสโมสรอ้างติดธุระ อีกทั้งเวลาลงไปในสนาม ก็ชอบเล่นตามอารมณ์ตัวเองเยอะเกินไป ซึ่งไม่รอดพ้นสายตา อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรอก แต่ว่าบางครั้งก็ต้องปิดตาข้างเดียวบ้าง เพราะอย่างน้อย โรนัลโด้ ก็ยังมีประโยชน์ในเกมรุกเยอะมาก
โรนัลโด้ ไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยดีใจตอนทำประตูได้ ช่วงเปิดฤดูกาล 2008/09 ใหม่ๆ หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บมาหมาดๆ ตอนทำประตูได้ไม่ยิ้มเลย แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มก็เฮตามปกติ โด้ตอนฉลองรับถ้วย และถ่ายรูปหมู่ก็ไม่เข้ากล้องเลยหนีเฟรมออกห่าง พยายามฉีกตัวชิดริมบ่อยมาก ตอนยิ้มตอนดีใจดูออกอย่างเห็นชัดเลย ว่าดูเหมือนไม่จริงใจ ไร้ซึ่งความสนุก และไม่ค่อยอยากมีส่วนร่วม
ที่ชัดเจนที่สุดเลยคือเรื่องอารมณ์ หงุดหงิดไม่พอใจ โมโหตอนโดนเปลี่ยนตัวออกเกมนัดชนะ แมนฯ ซิตี้ แล้วมานั่งร้องที่ซุ้มมานั่ง ทั้งที่ความจริงเขาควรพัก เพื่อจะเจอนัดที่สำคัญกว่านั้น และเกมนั้นสกอร์ก็ขาดไปแล้ว พอจบซีซั่น 2008/09 แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกสำเร็จ รวมถึงผ่านเข้าชิง ยูซีแอล อีกปี แม้จะพ่าย บาร์เซโลน่า แต่ป๋าก็ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ นั่นคือขายให้ “ราชันชุดขาว” ด้วยค่าตัวสถิติโลก 80 ล้านปอนด์
เมื่อหันมาดูที่ปัจจุบัน คงไม่ใช่เรื่องแปลกนักหากโด้จะดิ้นรนทุกทาง เพื่อย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง แถมป๋าไม่ได้อยู่เป็นหัวเรือใหญ่เหมือนสมัยก่อน เขาอาจไม่ต้องเกรงใจใครเลย ยกเว้นความรู้สึกแฟนบอล แต่อย่างไรก็ตาม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพิ่งออกมาโพสต์ข้อความโจมตีสื่อว่า เขียนข่าวโกหกเกี่ยวกับเจ้าตัวมาโดยตลอด และเขาจะให้สัมภาษณ์ความจริงทุกอย่างในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า หรือเมื่อตลาดซื้อขายปิด หลังจากนี้จะได้รู้กันว่า CR7 จะอยู่หรือไป.