ufabet

ย้อนรอย 9 เรื่องวุ่นๆ ของแมนยู และลิเวอร์พูล ก่อน “ศึกแดงเดือด”

ย้อนรอย 9 เรื่องวุ่นๆ ของแมนยู และลิเวอร์พูล ก่อน “ศึกแดงเดือด”

กลับมาอีกครั้งกับ “ศึกแดงเดือด” ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งครั้งนี้จะเป็นหนที่ 210 ที่ทั้งสองทีมได้ลงไปหวดกันบนฟลอร์หญ้า โดยแมตช์นี้ “ปีศาจแดง” เตรียมเปิดรังเหย้า โอลด์ แทรฟฟอร์ด รอรับทีมคู่แค้นจากแม่น้ำเมอร์ซีย์ไซด์ ในช่วงดึกวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม เวลา 02.00 น. หรือช่วงเช้าของวันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2565

แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะลงฟาดแข้งกัน บทความนี้ เทพแมนยู อยากพาผู้อ่านไปขุดเรื่องวุ่นๆ ของทั้งสองทีมในเวที พรีเมียร์ลีก ว่าในอดีตมีโค้ช หรือนักเตะคนไหนบ้าง ที่สร้างวีรกรรมวุ่นๆ เอาไว้ และได้มีส่วนรวมกับเหตุการณ์แปลกๆ ระหว่าง 2 สโมสร เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามารีไทร์ที่เรื่องแรกได้เลย

1.กัปตันทีมของทั้ง 2 สโมสร

อดีตกองกลางของทีมชาติอังกฤษ ถือเป็นสัญลักษณ์ของทั้งคู่ ด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เซ็นสัญญากับ พอล อินซ์ เข้ามาในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด และเจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย กับ “ปีศาจแดง” ได้ในฐานะกัปตันทีม ก่อนที่ เฟอร์กี้ จะตัดสินใจปล่อยตัวเขาไปให้กับ อินเตอร์ มิลาน

แต่อย่างไรก็ตาม เส้นทางอาชีพก็ไม่ได้สวยงามเสมอไป เพราะเจ้าตัวทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่ควร ส่งผลให้ทัพ “งูใหญ่” ต้องการปล่อยเขาออกจากทีม และสโมสรที่ อินซ์ ต้องการที่จะไปต่อ คือ “หงส์แดง” และหลังจากย้ายทีม เขาก็ไม่เผาผีกับ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และแมนยูอีกเลย เนื่องจากชอบออกมาพูดจาว่าร้ายตลอด ทำให้สาวก “เร้ดส์ อาร์มี่” เกลียดเข้าไส้

แต่ทว่าการย้ายไปอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ เขากับเป็นขวัญใจของชาวเดอะค็อป เพราะเจ้าตัวถือเป็นผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อทีมอย่างมาก นั่นจึงทำให้ผู้จัดการทีมอย่าง รอย อีแวนส์ ไม่ลังเลที่จะแต่งตั้งมิดฟิลด์มากประสบการณ์เป็นกัปตันทีมอยู่ชั่วคราว นั้นจึงทำให้เขาเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่เคยได้เป็นกัปตันทีมทั้ง แมนยู และ ลิเวอร์พูล

2.ฮัลโหล รูนี่ย์

เวย์น รูนี่ย์ ถือเป็นแฟนพันธุ์แท้ เอฟเวอร์โตเนี่ยน ทำให้การลงสนามเจอกับ ลิเวอร์พูล ดาวยิงอย่าง รูนีย์ จะใส่เต็มร้อยเสมอ โดยเกมที่ แอนฟิลด์ เดือน มกราคม ปี 2005 เป็นเกมแรกในการลงสนามเจอ “หงส์แดง” ของเจ้าตัว รูปเกมวันนั้นนักเตะทั้ง 2 ทีม สู้กันในสนามราวกับอยู่บนสมรภูมิรบ

แต่สุดท้าย คนที่เปิดประตูชัยให้แมนยู ก็ คือ เวย์น รูนี่ย์ ที่กดด้วยเท้าขวาเต็มเหนี่ยว ซัดจากระยะ 25 หลาผ่านมือ เจอร์ซีย์ ดูเด็ค เข้าประตูไป และเป็นประตูแรกในสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยิงได้ใน “ศึกแดงเดือด” ซึ่งหลังจากทำประตูได้ เจ้าตัวได้วิ่งไปดีใจต่อหน้าสาวกเดอะค็อป เลยได้รางวัลเป็นโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง เอาไว้โทรหาพ่อ จากการขว้างมาของแฟนบอล

3.แกรี่ เนวิลล์ เยาะเย้ย สเก๊าเซอร์

แกรี่ เนวิลล์ เขาถือเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กองเชียร์ ลิเวอร์พูล เกลียดชังมากที่สุด โดยแบ็คขวา “ปีศาจแดง” มักจะแสดงอาการให้เห็นแบบไม่กั๊กเช่นกัน ว่าไม่ได้ชอบเหล่า “หงส์แดง” เท่าไร ซึ่งสุดยอดวีรกรรมที่สาวกเดอะค็อป จำฝังใจ คือ เกม “แดงเดือด” เมื่อปี 2006 เกมใกล้จะจบลงด้วยผลเสมอ

แต่ทว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ ดันมาโหม่งประตูชัยนาทีสุดท้าย นั่นจึงทำให้ เนวิลล์ ลงทุนวิ่งเป็นร้อยหลา เพื่อไปแสดงความสะใจเยาะเย้ยต่อหน้าแฟนบอลทีมเยือน ด้วยการยกตราสโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อกเสื้อของเขาขึ้นมา ซึ่งภาพทีวีจับเอาไว้ได้อย่างชัดเจน และนั่นจึงทำให้ทาง เอฟเอ หรือสมาคมฟุตบอลอังกฤษ สั่งปรับเงิน แกรี่ เนวิลล์ เป็นจำนวน 5,000 ปอนด์ กับการกระทำครั้งนี้

4.น้ำตาของ นานี่

เกม “แดงเดือด” ในเดือน มีนาคม ปี 2011 ที่สนาม แอนฟิลด์ ทาง เจมี่ คาราเกอร์ สวมบทโหดเสียบไปที่หน้าแข้งของ หลุยส์ นานี่ จนหน้าแข้งแตกเนื้อฉีกเหวอะเลือดไหลไม่หยุด ซึ่งปีกชาวโปรตุเกส พยายามจะฟ้องผู้ตัดสิน แต่ก็โดนผู้เล่น ลิเวอร์พูล เข้ามาต่อว่า

จนสุดท้ายทำอะไรไม่ได้ นานี่ จึงต้องทิ้งตัวลงนอน และร้องไห้ แถมยิ่งต้องร้องไห้ให้หนักมากขึ้น เมื่อทาง คาราเกอร์ คู่กรณีโดนแค่ใบเหลืองเท่านั้น แต่ด้าน นานี่ ต้องพักรักษาอาการเจ็บครั้งนี้นานพอสมควร

5.ใบแดงของ เนมานย่า วิดิช

เนมานย่า วิดิช ปราการหลังชาวเซอร์เบีย ถือว่าเป็นแนวรับที่ไว้ใจได้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ แต่กับการเจอกับคู่ปรับอย่าง ลิเวอร์พูล เขามักจะโดนใบแดงอยู่ตลอด

วิดิช เป็นเจ้าของสถิติโดนไล่ออกจากสนามในเกม “แดงเดือด” มากสุดถึง 4 ครั้ง แถม 3 ใน 4 เป็นการโดนไล่ออกแบบติดกัน และทุกครั้งที่แข้งเลือดเซิร์บโดนไล่ออกหมายถึงความพ่ายแพ้ของ “ปีศาจแดง”

6.จอนโจ้ เชลวี่ย์ ปีนเกลียว อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ใน “ศึกแดงเดือด” เดือนกันยายนปี 2012 ที่ แอนฟิลด์ ก่อนเริ่มเกมทั้งสองทีมมีทีท่าเป็นมิตร เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่ง เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน มาประกบคู่กับ เอียน รัช อดีตดาวยิง “หงส์แดง” เพื่อทำพิธีวางดอกไม้ระลึกถึงแฟนบอล 96 คน ที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร

เมื่อนกหวิดดังขึ้นทันทีที่เกมเริ่ม ความเป็นศัตรูก็กลับมาทันที และในนาที 39 จอนโจ้ เชลวี่ย์ โดนไล่ออกจากสนาม เพราะไปเปิดปุ่มใส่ จอนนี่ อีแวนส์ แต่ในระหว่างที่กำลังเดินออกก็มีการปะทะคารมกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะคิดว่ากุนซือชาวสก็อตต์เข้ามากดดันผู้ตัดสินให้ไล่ตัวเองออก ก่อนที่มิดฟิลด์หัวล้านจะออกมาขอโทษทีหลัง ซึ่งทางฝั่งเฟอร์กี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไรถือว่าจบลงด้วยดี

7.ปาทริซ เอฟร่า และ หลุยส์ ซัวเรซ

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์ และโลกออนไลน์ เมื่อ ปาทริซ เอฟร่า ออกมาเปิดเผยว่าโดน หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล พูดเหยียดผิวในเกม “แดงเดือด” ที่ แอนฟิลด์ เมื่อปี 2011 ซึ่งจากการตัดสิน กองหน้าชาวอุรุกวัย ผิดจริงทำให้โดนลงโทษแบน 8 นัด และปรับเงินอีก 40,000 ปอนด์

แถมเรื่องลุกลามใหญ่โตจน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงกับออกมาปะทะคารมกับ เซอร์ เคนนี ดัลกลิช กุนซือ “หงส์แดง” ในตอนนั้นด้วย และการเจอกันยกสองที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งคู่ปฏิเสธที่จะจับมือก่อนเริ่มเกม จนมีการกระทบกระทั่งกันเล็กๆ น้อยๆ และมีจังหวะไล่หวดกันตลอดทั้งเกม ผลจบลง แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ โดยไฮไลท์สำคัญ คือ ท่าดีใจของแบ็กซ้ายเลือดน้ำหอม ที่วิ่งไปแสดงความดีใจกับแฟนๆ ตรงหน้าของ ซัวเรซ

8.ใบแดง 38 วินาทีของ เจอร์ราร์ด

เกมแห่งศักดิ์ศรีเมื่อปี 2015 กัปตันทีมที่รักของ ลิเวอร์พูล ปิดฉาก “ศึกแดงเดือด” สุดท้ายของตัวเองด้วยความขมขื่น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงครึ่งเวลาหลัง เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาแทน อดัม ลัลลานา ในครึ่งหลัง และอยู่ในสนามได้แค่ 38 วินาที

ก่อนที่จะโดน มาร์ติน แอตกินสัน ควักใบแดงไล่ออกจากสนามอย่างไม่ลังเล เพราะไปย่ำใส่ อันเดร์ เอร์เรร่า ซึ่งใบแดงครั้งนี้ ยังนับเป็นการถูกไล่ออกที่เร็วที่สุดของ พรีเมียร์ลีก

9.โรนัลโด้ หัวร้อน

เรื่องนี้พึงเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อซีซั่น 2021/22 โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด แพ้ยับต่อ ลิเวอร์พูล 0-5 ทว่าอีกช็อตที่แฟนบอลทั่วโลกให้ความสนใจเป็นจังหวะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดกองหน้าที่กลับมาค้าแข้งกับทีมอีกครั้ง ระเบิดอารมณ์เล่นนอกเกมใส่ เคอร์ติส โจนส์ ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก

ด้วยการเข้าไปกระหน่ำเตะแบบไม่ยั้ง เพราะเพื่อนร่วมทีมไม่เอาไหน ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่จะเห็น CR7 แสดงความเกรี้ยวกราดในสนามรุนแรงถึงขนาดนี้ โดยเป็นช่วงที่ทีมตามอยู่ 0-3 ก่อนที่จะโดนอีกสองประตูพ่ายไป 0-5 ในช่วงหลังจากนั้น อย่างไรก็ตามจังหวะดังกล่าว โรนัลโด้ รับเพียงแค่ใบเหลืองเท่านั้น


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น