เปิดประวัติ มาร์คัส แรชฟอร์ด เด็กหนุ่มผู้เป็นฮีโร่ของอังกฤษ

มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford) เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1997 ได้รับฉายาว่า เจ้าชายแห่งอังกฤษ ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นผู้เล่นทางกราบซ้าย และศูนย์เป้าตัวหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

มาร์คัส แรชฟอร์ด ลืมตาดูโลก ณ เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะไม่ค่อยดีนัก โดย เมลานี่ เมย์นาร์ด แม่ของเขา เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่มีลูกถึง 5 คน ทำให้เธอต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเลี้ยงลูกๆ

แรชฟอร์ด เข้าสู่เส้นทางลูกหนัง ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ กับศูนย์ฝึกเยาวชน เฟล็ทเชอร์ มอสส์ เรนเจอร์ส ซึ่งถือเป็นโรงเรียนฟุตบอลรากหญ้าท้องถิ่น ที่ปั้นนักเตะให้สโมสรฟุตบอลมากมาย และยังมีผู้เล่นทั้งในอดีต และปัจจุบันของทัพปีศาจแดงที่เคยเรียนมาจากที่นี้ อาทิ เวส บราวน์, เจสซี่ ลินการ์ด และ แดนนี่ เวลเบ็ค เป็นต้น

ต่อมาในวัย 7 ขวบ ได้มีบิ๊กทีมมากมายให้ความสนใจเจ้าหนูมาร์คัส ทั้ง แมนยู, แมนซิตี้ และลิเวอร์พูล แต่สุดท้ายก็เป็นปีศาจแดง ที่ได้ลายเซ็นเจ้าหนูคนนี้ไป เพราะเจ้าตัวถูกใจแนวทางการซ้อม และแนวทางการพัฒนาเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชื่อว่าจะช่วยฝึกศักยภาพของเขาให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยตลอดเวลา 10 ปี ที่แรชฟอร์ดโลดแล่นอยู่กับชุดเยาวชน เขามีผลงานที่น่าประทับใจ จึงถูกดึงตัวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็วเพียงวัย 18 ปี ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล

เจ้าหนูแรชฟอร์ด ได้โอกาสลงประเดิมสนามนัดแรกในศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย เนื่องจาก อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ได้รับอาการบาดเจ็บ ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่ม มิดทิลแลนด์ 5-1 โดย แรชฟอร์ด เหมาถึง 2 ประตูในเกมนัดนั้น ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะแมนยูที่อายุน้อยที่สุด ที่ทำประตูได้ในเกมยุโรป ด้วยวัยเพียง 18 ปี 117 วัน ทำลายสถิติของ จอร์จ เบสต์ ตำนานเทพบุตรมหาภัย ที่เคยทำไว้ในวัย 18 ปี 158 วัน และสถิติของ แรชฟอร์ด ก็มาถูกหยุดลงในฤดูกาล 2019/20 จากดาวยิงรุ่นน้องอย่าง เมสัน กรีนวู้ด

ตลอดกาลค่าแข้งกับปีศาจแดง เจ้าหนูแรชฟอร์ดได้พิสูจน์ตัวเอง จนเจ้าตัวได้มายืนเป็นตัวหลัก และเป็นคนสำคัญของทีม ซึ่งเขาสามารถทำประตูได้เกิน 20 ประตูทุกรายการ 2 ฤดูกาลติด ได้แก่ ฤดูกาล 2019/20 และ ฤดูกาล 2020/21 ปัจจุบัน แรชฟอร์ด สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, เอฟเอคอมมิวนิตี้ ชิลด์ 1 สมัย และรางวัลส่วนตัวอืนๆ

มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังได้รับเกียรติคว้ารางวัลบุคคลนักรณรงค์แห่งปี โดยนิตยสารชื่อดังระดับโลก (GQ) จากผลงานช่วยเหลือเด็กหิวโหย และคนไร้บ้านในอังกฤษ จากการทุ่มเทแรงกายแรงใจ ในการรณรงค์ และระดมทุน เพื่อให้รัฐบาลของประเทศอังกฤษ หันมาให้ความสำคัญกับเด็กๆ ยากไร้ ในช่วงสถาณการณ์โควิด-19

ความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสังคมของแรชฟอร์ด ส่งผลให้เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติชชั้นเอ็มบีอี จากควีนเอลิซาเบธที่ 2 และรางวัลพิเศษในการประกาศรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี BBC Sports Personality of the Year Award ซึ่งนั่นทำให้เขาถือเป็นฮีโร่ของผู้คนในประเทศอังกฤษ

ในนามทีมชาติปัจจุบัน มาร์คัส แรชฟอร์ด ถือเป็นแพะรับบาปของแฟนบอลอังกฤษทั้งโลก เพราะในรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 หรือฟุตบอลยูโร 2020 แรชฟอร์ดถูกเปลี่ยนตัวลงมาเพื่อยิงลูกโทษ ในช่วงต่อเวลาพิเศษนัดชิงชนะเลิศกับทีมชาติอิตาลี

แต่ทว่าเขากลับเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิงประตูไม่เข้า และพลาดแชมป์ยูโรสมัยแรกของอังกฤษ ทำให้แฟนบอลบางส่วนพากันไล่ด่าตามโซเชียลมีเดีย และอีกส่วนพากันพ่นสีสเปรย์ตามกำแพงเป็นข้อความเชิงด่า เหยียดผิว 3 แข้งทีมชาติอังกฤษอย่างรุนแรง ซึ่งหนึ่งในนั้นมี มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่ด้วย

แม้กระนั้นแฟนบอลสิงโตคำรามส่วนมาก ต่างแสดงกำลังใจให้กับเขา ไม่ว่าจะการเขียนจดหมาย หรือการแปะกระดาษบนกำแพงรูปของเขา เชิงเชียร์เขาอย่างเต็มที่ อย่างเช่น วีรบุรุษ, แบบอย่างที่ดี, นายเป็นแรงบันดาลใจของฉัน และ นายคือฮีโร่ของพวกเรา เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้คือการแสดงจากใจของประชาชนในอังกฤษ เพื่อไม่ให้เกิดภาพลักษณ์ที่แย่กับฮีโร่ของพวกเขา

“แม้บทบาทนักฟุตบอลของมาร์คัส แรชฟอร์ด เวลานี้ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่บทบาทบุคคลในสังคมแล้ว เขาถือเป็นฮีโร่ วีรบุรุษ และ คนที่เห็นแก่ส่วนรวม สำหรับเด็กๆ และคนอื่นๆ สิ่งนี้คือสิ่งที่น่ายกย่อง”