หลังจากที่แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดโอกาสคว้าสามแต้มสำคัญจากวัตฟอร์ด ในวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ในตารางคะแนน ณ ตอนนี้ ความได้เปรียบจะตกไปอยู่กับอาร์เซ่น่อลอย่างชัดเจน เพราะทัพกันเนอร์สเตะตามหลังแมนยูอยู่ถึง 3 เกม และมีแต้มตามหลังอยู่เพียง 2 คะแนน เท่ากับว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะแซงขึ้นท็อปโฟร์อยู่ตลอด ส่วนแมนยูแม้ตอนนี้จะไร้พ่ายมา 8 เกมติด แต่ผลลัพท์ที่ออกมา ไม่ได้ดูดีเหมือนสถิติเลย บอลยังดูไร้ทรง ไร้ทีมเวิร์ค ด้านเกมรับยังผิดพลาดกันให้เห็นอยู่ตลอด แดนกลางไม่สามารถปั้นเกม และคุมจังหวะเกมได้ ทำให้เสียความได้เปรียบให้คู่แข่งอยู่เป็นประจำ
ส่วนเกมรุกตอนนี้ตื้อๆ ตันๆ ไปหมด จุดอ่อนที่สุดตกอยู่ที่ศูนย์หน้า เพราะอาวุธในแดนหน้าไม่มีให้โรเตชั่นเลย ทางคาวานี่มีอาการบาดเจ็บยาว แถมเพิ่งจะเสียมาร์กซิยาล และกรีนวู้ดไป ผลของเกมรุกจึงออกมาอย่างที่เห็น ตัวรุกคนสำคัญของทีมอย่างโรนัลโด้ต้องอยู่ในสนามตลอด 90 นาทีเกือบทุกนัด แถมต้องสะสมความเหนื่อยล่าหลายเกมติดต่อ และด้วยวัย 36 ปีแล้วด้วย คงไม่สามารถแบกทีมได้เกือบทุกนัด ปัญหาเหล่านี้อยู่ในการจัดการของราล์ฟ รังนิก ที่ควรจะรีบแก้ไข เพราะตลอดเดือนมีนาคม แมนฯ ยูไนเต็ดมีคิวเจอแต่บิ๊กทีม เทพแมนยูจึงจะมาเล่าถึงสถานการณ์ที่แมนยูต้องเจอ ว่าจะมีโปรแกรมต้องพบกับใครบ้างตลอดเดือนมีนาคม
ทีมแรกคือ การบุกไปลุยศึกดาร์บี้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงของลีกในเวลานี้ ซึ่งพูดได้คำเดียวว่าฟอร์มของเพื่อนบ้านน่ารำคาญ ร้อนแรงเป็นอย่างมาก ปีนี้พวกเขามีลุ้นแชมป์เกือบทุกรายการ เมื่อให้เทียบกับฟอร์มของ “ปีศาจแดง” ชั่วโมงนี้ มีโอกาสชนะน้อยมาก ต้องรอดูความพร้อมของทีม และการโรเตชั่นของราล์ฟ รังนิก ว่าจะจัดทัพมาชนกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้” แบบไหน
เกมนัดถัดมา แมนยูจะเปิดบ้านพบกับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งดูจากฟอร์มในเวลานี้ ณ วันที่ 2 มีนาคม ทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ ผลงานกำลังอยู่ในช่วงสวิง เพราะจาก 5 เกมหลังสุด ทำได้แค่ชนะแพ้สลับกัน โดยปัญหาหลักๆ อยู่ที่ผู้เล่นในทีม มักจะเก็บความสม่ำเสมอไม่ได้ ซึ่งในอนาคตก็ต้องรอดูกันอีกที ว่าคอนเต้จะจัดการปัญหาภายในทีมได้ขนาดไหน หรือจะชิงลาออกไปก่อน โดยเรื่องผลงานสเปอร์ส และแมนยู ณ ตอนนี้ ยังดูสู่สีกันอยู่
ต่อมาเกม ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง แมนยูมีคิวเปิดรังต้อนรับการมาเยือน แอตเลติโก มาดริด เกมนี้ต้องบอกก่อนว่า แชมป์เก่าจากลีกสเปน ไม่ใช่ทีมที่แข็งเหมือนปีก่อน แต่ก็ถือเป็นทีมที่ประมาทไม่ได้ เพราะกุนซืออย่าง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ มีความเก๋าเกม และประสบการณ์สูง เกมนี้อาจจะออกนอกตำรา ปล่อยของวัดกันให้รู้ดำรู้แดง ถ้าแมนยูในตอนนี้หวังจะเอาชนะให้ได้ รังนิกควรที่จะปรับวิธีการเล่นให้แน่ชัดขึ้น และดึงฟอร์มเก่งของทีมให้ได้ แต่ด้วยเรื่องขุมกำลังหลัก “ตราหมี“ ดูเป็นรองอยู่ เพราะขาดผู้เล่นหลักอยู่มาก แถมบรรดาแข้งหน้าเก่าก็เริ่มโรยราเรื่อยๆ นัดนี้ต้องรอดูผู้เล่น และฟอร์ม ณ ตอนนั้น ว่าใครดูดีมากกว่ากัน
เกมนัดสุดท้ายของเดือนมีนาคม เป็นศึก “แดงเดือด” โดย แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูงในเวลานี้ ที่เพิ่งซิวแชมป์ คาราบาว คัพ มาจากเชลซีหมาดๆ แถมตอนนี้ยังมีลุ้นแชมป์ลีก และบอลถ้วยแบบเต็มระบบ จากขุมกำลังที่ได้มาใหม่ในฤดูกาลนี้ ถ้าให้พูดตามหน้าเสื่อในปัจจุบัน ปีศาจแดงยังเป็นรองอยู่มาก ทั้งระบบ ทีมเวิร์ค และผู้เล่น แต่เกมฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ คำถามคือ มันยากไหมที่จะเอาชนะ หรือง่ายไหมที่จะเอาชนะ คำตอบอยู่ที่ ราล์ฟ รังนิก ว่าพวกเขาจะเล่นกันแบบไหนกับลิเวอร์พูล
ส่วนในเดือนเมษายนที่จะถึง แมนยูจะมีโปรแกรมอยู่ 5 เกม และอาจมีโปรแกรมเพิ่มขึ้น ถ้าเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด ในศึกยูซีแอล รอบ 16 ทีมได้ ถึงตอนนั้นอาจได้มาเช็คสถานการณ์ของแต่ละทีมอีกที รวมถึงผลงานของแมนยู ณ ตอนนั้น ว่าฟอร์มดีขึ้น หรือกำลังดิ่งลง.