เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นอีกคืนที่แฟนผีรายหลายปิดไฟนอนกันก่อนบอลจบ หลังจากทัพผีบุกไปพ่ายเพื่อนร่วมเมืองเละเทะ 4-1 แบบไม่มีทรงหัวตารางเลย โดยเกมนี้ “เรือใบสีฟ้า” ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จาก เควิน เดอ บรอยน์ เพียงนาทีที่ 5 เท่านั้น และต่อมาในนาทีที่ 22 จาดอน ซานโช่ ก็มายิงตีเสมอให้ “ปีศาจแดง” ได้ 1-1 ก่อนที่ แมนฯ ซิตี้ จะมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจาก เดอ บรอยน์ คนเดิม จบครึ่งแรก 2-1 และช่วงครึ่งหลัง ริยาด มาห์เรซ ้เหมาะคนเดียวสองประตูในนาที่ที่ 68 และประตูปิดเกมในนาทีที่ 90+2 ของเกมการแข่งขัน
ชำแหละหลังเกม
เริ่มจากการจัดทัพเมื่อคืน ในไลน์อัพขึ้นเป็นแผน 4-2-3-1 แต่การเล่นเมื่อคืนจริงๆ ยังคงใช้ 4-2-2-2 โดยให้ ป็อกบา และบรูโน่ ยืนหน้าเป้า และใช้ แอนโธนี่ เอลังกา ถ่างออกไปเล่นริมเส้นทางขวา และ จาดอน ซานโช่ เล่นริมเส้นทางซ้าย เกมตรงแดนกลางเป็นคู่หู แม็ค, เฟร็ด เหมือนเดิม ส่วนแดนหลังใช้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ และแบ็คเป็น อเล็กซ์ เตลเลส กับ อารอน วาน-บิสซาก้า
ภาพรวมฟอร์มการเล่นครึ่งแรกดูเป็นรองก็จริง แต่ยังพอสู้ได้อยู่ การครองบอลถือว่าทำได้ไม่แย่มาก เกมแดนหน้าช่วยกันวิ่งไล่เพรสดุดันดี ใช้โอกาสในการส่งบอลไม่เปลือง และหาจังหวะรุกในการเคาะบอลสวนกลับได้ดี โดยเฉพาะก่อนจบครึ่งแรกช่วง 40 นาทีสุดท้าย แมนยูมีโอกาสหลายหนในการบุกตีเสมอ แต่ดันไม่คมกันเอง
ส่วนเกมครึ่งหลังโคตรจะแย่ โอกาสครองบอลในครึ่งหลังตกไปอยู่กับ “เรือใบสีฟ้า” ทั้งเกม แมนยูเหมือนเป็นอีกทีมมาลงแข่ง เริ่มจากการส่งบอล ผู้เล่นบางคนส่งบอลกันช้า ทั้งที่โดนวิ่งบีบ การออกบอลมันเลยดูลน และมั่วกันไปหมด ส่วนเกมเพรสวิ่งมั่วพอกัน มันไม่เป็นทีมเวิร์คเลย วิ่งเข้าไปบีบกันทีละคน บางคนยืนตั้งรับไม่วิ่งเข้าไปช่วยกัน เหมือนไม่มีใจจะเล่น มันเลยมีช่องโหวให้แข้งแมนฯ ซิตี้ ส่งบอลเล่นกันเป็นลิงชิงบอลในแดนตัวเองสนุกเลย แถมแมนยูก็ออกอาการรั่วมาก แมนซิตี้ ค่อยๆ หาช่องเคาะบอลไปเรื่อยๆ ก็หลุดมาถึงแดนหน้าง่ายๆ
เริ่มจากประเด็นแนวรับ บอกได้คำเดียว ปล่อยออกยกแผงได้เลยยิ่งดี ลูกทีมของเป๊ปเจาะทางวานบิสซาก้าเกือบทุกลูก ไอ่แมลงมุมป้องกันบอลในฝั่งตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่ยืนกันอยู่ 2-3 คน และมันเป็นอย่างงี้มาหลายนัดมาก ซึ่งถ้าใช้ดาโลต์ คิดว่าอาจจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ แถมการส่งบอลอาจจะไม่มั่วขนาดนี้
อีกเรื่องคือ การเคลียบอลกันไม่ขาด การดักบอล หรือเข้าบอล เหมือนไม่ใช่ผู้เล่นมืออาชีพ เพราะแข้งเรือใบสีฟ้าส่งบอลกันเหมือนกำลังซ้อมกับกรวย เคาะข้ามหัวกันสนุก แถมยังกดลูกสูตรกันถึง 2-3 หน มันบ่งบอกถึงความหละหลวมของเกมรับมาก และการซ้อนของแมนยูโคตรไร้ประโยชน์ เพราะคนซ้อนก็ไม่ยอมเข้าบอล เหมือนกลัวเสียฟาวล์ ซึ่งบ่งบอกอีกว่ามันเป็นมืออาชีพไม่พอ
เกมรุกต้องบอกเลยว่า บรูโน่เกมนี้ส่งบอลเสียเยอะมาก ซึ่งการที่ ราล์ฟ รังนิก จับ บรูโน่ ไปยืนหน้าแทนโรนัลโด้ที่บาดเจ็บ ทำให้เขาหมดประโยชน์มาก เพราะโดนคู่แข่งปิดจนแทบไม่ได้ทำอะไรเลย แต่อีกคนที่เหมือนจะสลับขึ้นลงกับบรูโน่ตลอดอย่างป็อกบา วันนี้เขามีจังหวะเคาะสวยๆ เยอะมาก ซึ่งพูดตามตรง เขาไม่ควรเปลี่ยนออกจากสนามเลย ตั้งแต่เกมที่เจอกับ แอตฯ มาดริด ในศึกยูซีแอลแล้ว
ปีกสองฝั่งโดนถ่างออกริมเส้นมากเกินไป ทำให้การประติดประต่อเกมมันยากมาก โดยรวมมันก็ไม่แย่เกินไป แต่ช่วงหลังๆ พอแข้งซิตี้จับทาง แอนโธนี่ เอลังกา ได้ เขาก็โดนปิดตายสนิท ด้วยกระดูกบอลที่มันยังคนละเบอร์ เขาจึงดักทางได้ง่ายมาก และสปีดของเจ้าหนู 19 ปี เริ่มตกลง มันยิ่งทำกระชากพ้นกองหลังซิตี้ยากมากด
ประเด็นสุดท้าย คือ ตัวสำรอง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจสซี่ ลินการ์ด พูดได้ตามตรงว่าสองคนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย เล่นกันเหมือนไม่มีจิตใจจะเล่น โดยเฉพาะแรชฟอร์ด ตอนนี้ทำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด ส่งบอลก็ไม่ตรง แถมตอนได้บอลก็เลี้ยงไปหาคู่แข่ง จนเสียบอลดื้อๆ รวมถึงเรื่องการเพรสก็แย่ ทั้งที่เป็นสำรองมีความสดมากกว่าคู่แข่ง แต่กับวิ่งเยาะๆ ไล่บอล เขาเลยจัดลิงชิงบอลให้ดูไปหลายรอบเลย เข้าใจว่าสำรองข้างสนามไม่มีตัวรุกให้เปลี่ยน แต่ถ้าเล่นแบบนี้ ฆวน มาต้า ลงมายังน่าจะทำประโยชน์ได้มากกว่า
สรุปแล้ว ปัญหาเดิมๆ แก้ไม่หาย เล่นดีได้เป็นพักๆ ซึ่งให้เทียบกับแข้งซิตี้ตัวๆ มันไม่ได้ด้อยกว่ากันเยอะเลย แต่ที่ทำให้ทีมแมนยูห่างชั้นกับแมนซิตี้ คือ จิตใจมากกว่าฝีเท้า นักเตะแมนยูใจไม่สู้เลย หมดใจที่จะเล่น ทั้งที่ฝีเท้านักเตะก็อยู่ในระดับใกล้ๆ กัน ให้พูดตรงๆ วัตฟอร์ด นักเตะยังดูดุดันกว่าแมนยู และในสถานการณ์ตอนนี้ อาร์เซน่อล ก็แซงขึ้นอันดับ 4 เรียบร้อย แมนยูถ้ายังเล่นแบบนี้อยู่ ยูโรป้า ก็ไม่น่าได้ไป.
สถิติที่สุดอัปยศเมื่อคืน ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- “เรือใบสีฟ้า” มีโอกาสยิงประตูทั้งหมด 24 ครั้ง จากทั้งหมด 24 หน มี 10 ครั้งที่ยิงตรงเข้ากรอบ และ ดาบิด เด เคอา สามารถเซฟช่วยทีมได้มากถึง 6 ครั้งในเกมนี้
- นับตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาลที่แล้ว เควิน เดอ บรอยน์ สร้างโอกาสใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้วถึง 37 หน
- ในช่วงครึ่งหลังของเกม “ปีศาจแดง” ครองบอลได้เพียง 21%
