หลังจากได้นำเสนอตอนที่ 1 เกี่ยวกับผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งหมด ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร จนมาถึง เอริก เทน ฮาก ว่ามีใครบ้าง โดยพาสนี้จะเป็นกุนซือในยุค พรีเมียร์ลีก พวกเขาที่เหลือจะเป็นใครบ้าง มารีไทร์ไปทีละคนกันเลย
พรีเมียร์ลีก (1992 – ปัจจุบัน)
18.เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (1986-2013)
คงไม่ต้องมีอะไรบรรยายกันให้มากสำหรับผู้ชายคนนี้ การพา ยูไนเต็ด คว้าถึง 38 โทรฟี่ ในช่วงเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ เรียกได้ว่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือคนที่พลิกโฉม และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้อย่างแท้จริง
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ามาคุมทีมในช่วง ดิวิชั่น 1 กำลังจะเปลี่ยนโครงสร้างลีกใหม่ไปเป็น พรีเมียร์ลีก และด้วยความสุดยอดของเฟอร์กี้ที่สรรค์สร้างเอาไว้ ทุกวันนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงหลงทางกับการตามหาผู้จัดการทีมคนใหม่ ที่จะทำผลงานให้ได้อย่างน้อยสักครึ่งหนึ่งที่ยอดกุนซือชาวสกอต เนรมิตรเอาไว้ก็ยังดี
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ฝากความสำเร็จกับสโมสรด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย, เอฟเอคอมมิวนิตี้ ชิลด์(แชร์ริตี้ ชิลด์) 10 สมัย ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 2 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย, อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ 1 สมัย และ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก(ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ) 1 สมัย
19.เดวิด มอยส์ (2013-14)
ภายหลังการสร้างทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน ให้ก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับกลางที่คอยสร้างความปั่นป่วนให้ทีมหัวตารางของ พรีเมียร์ลีก อยู่บ่อยๆ เดวิด มอยส์ ถูกเลือกโดย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้เข้ามาทำงานกับ ยูไนเต็ด ต่อจากตนเองเป็นคนแรก
อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดัน ความคาดหวัง หรือเหตุผลใดๆ ก็ตามแต่ งานผู้จัดการทีม ยูไนเต็ด ดูจะใหญ่เกินไปสำหรับเขา เพียงแค่ 1 ฤดูกาล มอยส์ ถูกปลดออกจากทีม และถูกตีตราว่าเป็นความล้มเหลวของ ยูไนเต็ด ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
20.ไรอัน กิ๊กส์ (2014)
ผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ควบตำแหน่ง ผู้เล่น และผู้จัดการทีม ภายหลังจากที่ เดวิด มอยส์ ถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนเมษายน 2014
อย่างไรก็ดี เขาเป็นกุนซือรักษาการณ์อยู่เพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น และทีมก็แต่งตั้ง หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาทำหน้าที่แทน และ กิ๊กส์ ก็เป็นหนึ่งในทีมงานของกุนซือชาวฮอลแลนด์ ก่อนจะไปคุมทีมชาติเวลส์ ในภายหลัง
21.หลุยส์ ฟาน กัล (2014-2016)
ก่อนที่จะมารับงานคุมทีม ยูไนเต็ด ฟาน กัล ถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากทีเดียวในโลกลูกหนัง เขาผ่านงานใหญ่ๆ มากับทั้ง อาแจ็กซ์, บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และ ทีมชาติฮอลแลนด์
ส่วนผลงานของ ยูไนเต็ด ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล นั้น เป็นอีกครั้งที่เหล่า “เร้ดส์ อาร์มี่” ตั้งคำถามกับฟอร์มการเล่นของทีม ถึงแม้ว่าทีมจะมีโทรฟี่ติดมือจากการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 2015/16 แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ ฟาน กัล รอดพ้นจากแรงกดดัน จนโดนปลดออกจากตำแหน่งในที่สุด
22.โชเซ่ มูรินโญ่ (2016-2018)
อีกหนึ่งกุนซือระดับท็อปที่เคยแวะเวียนเข้ามาทำงานที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในช่วงเวลาของ โชเซ่ มูรินโญ่ กับ “ปีศาจแดง” นั้น เขามีความสำเร็จติดไม้ติดมือในฤดูกาล 2016/17 หลังพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก และ ลีก คัพ
อย่างไรก็ดี ความสำเร็จที่ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” เผยว่าเขาภูมิใจที่สุดในการเป็นโค้ชของทีมปีศาจแดง คือการพาทีมจบอันดับที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017/18
หลังจากเริ่มต้นฤดูกาล 2018–19 ด้วยชัยชนะเพียง 7 นัด จาก 17 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก โดยปล่อยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังจ่าฝูง 19 แต้ม ทำให้มูรินโญ่ถูกสโมสรปลด วันที่ 18 ธันวาคม 2018
23.โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ (2018-2021)
ภายหลังความพ่ายแพ้ในศึกแดงเดือด 1-3 ในฤดูกาล 2018/19 โซลชาร์ ถูกแต่งตั้งเข้ามาเป็นกุนซือรักษาการณ์ แทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่สวนทางออกไป
อย่างไรก็ดี ภายหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมแบบถาวร โซลชา ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่สามารถพา ยูไนเต็ด กลับไปอยู่ในจุดที่ควรได้
แม้ว่าจะมีช่วงที่ดูหวือหวา แต่สุดท้าย เส้นทางของเขา กับ ยูไนเต็ด ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน โดยนัดสุดท้ายของเขาคือการพาทีมบุกไปพ่ายต่อ วัตฟอร์ด 1-4 เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2021
24.ไมเคิ่ล คาร์ริค (2021)
ไมเคิ่ล คาร์ริค เป็นผู้จัดการทีมรักษาการณ์ที่ได้โชว์ผลงานการคุมทีม เพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น แต่ 3 นัดดังกล่าวกลับเป็นเกมที่ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม
และหลังจากเป็นทั้งผู้เล่น และผู้ช่วยของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ คาร์ริคก็ได้ยุติเส้นทางการทำงานร่วมกับสโมสรเป็นเวลา 15 ปีอย่างเป็นทางการ โดยการลาออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดทางให้ ราล์ฟ รังนิก คุมทีมต่อ
25.ราล์ฟ รังนิก (2021-2022)
ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมรักษาการณ์ ทำผลงานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างน่าผิดหวัง ด้วยการพาทีมจบได้เพียงอันดับ 6 ของตารางคะแนน
ก่อนหน้านี้ รังนิกถูกทาบทามให้เข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาให้ทีมเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยเขาถูกยอมรับจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะในงานด้านการบริหาร
ต่อมาหลังคุมทีมจนจบซีซั่น 2021/22 ราล์ฟ รังนิก ไม่สามารถพาทีมจบท็อปโฟร์ได้ และชวดเงินโบนัส 1 ล้านปอนด์ จึงทำให้เขาเทสโมสร ด้วยการปฎิเสธการเป็นที่ปรึกษาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทิ้งทีมไปรับงานผู้จัดการทีม คุมทีมชาติออสเตรียแบบเต็มตัวแทน
ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน
26.เอริก เทน ฮาก (2022-ปัจจุบัน)
ผู้แบกรับความหวังคนล่าสุด ที่แฟนบอลคาดหวังว่า เขาจะเข้ามาเปลี่ยนแปลง และพาทีมกลับไปอยู่ในจุดที่ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยทำได้อีกครั้ง
อีกไม่นานเกินรอ เมื่อ ฤดูกาล 2022/23 เริ่มต้น เรื่องราวของ เอริก เทน ฮาก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะถูกขีดเขียน และบันทึกเอาไว้ บทสรุปจะเป็นอย่างไร ต้องรอดูกัน