เกมนัดที่ 6 ของฤดูกาล 2022/23 เมื่อคืนที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เอาชนะ อาร์เซน่อล 3-1 หยุดเกมไร้พ่ายของทีมเยือน และมีโมเม้นต์ถือเป็นหนึ่งในความชื่นใจของสาวก “เร้ดส์ อาร์มี่” เป็นอย่างมาก โดยเกมนี้เจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาที 35 จากปีกป้ายแดงอย่าง แอนโทนี ที่ซัดด้วยเท้าซ้ายประเดิมเกมแรกให้กับตัวเอง และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0 เริ่มครึ่งหลังได้พักนึง ทีมเยือนมาได้ประตูตีเสมอ นาทีที่ 60 จากการยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลาของ บูกาโย ซาก้า ส่งให้ทีมเยือนได้ประตูเป็น 1-1 แต่หลังจากนั้นไม่นาน แมนยูมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากการที่ บรูโน่ แทงทะลุช่องให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซัดเข้าไปเป็น 2-1 และสุดท้ายก็มาได้ประตูปิดท้ายจาก ด็อกเตอร์แรช เจ้าเดิม ที่ส่งให้เจ้าบ้านมีสกอร์ 3-1 และทำให้แมนยูจบเกมด้วยการคว้าสามแต้มไปครอง
พรีวิวหลังเกม
เริ่มจากการจัดทัพเมื่อคืนของ เอริก เทน ฮาก ยังคงมาในแผนเดิม 4-2-3-1 และผู้เล่นชุดเดิม เปลี่ยนเพียง เปลี่ยนเพียงตัวริมเส้นขวา จาก แอนโธนี่ย์ อีแลงก้า เป็น แอนโทนี ปีกป้ายแดง ส่วนที่เหลือ ผู้รักษาประตูยังเป็น ดาบิด เด เคอา แบ็คซ้าย ไทเรลล์ มาลาเซีย กองหลัง ลิซานโดร มาร์ติเนซ จับคู่กับ ราฟาเอล วาราน แบ็คขวา ดิโอโก้ ดาโลต์ กองกลางใช้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ร่างทองจับคู่กับ คริสเตียน อีริคเซ่น และใช้ บรูโน่ แฟร์นานเดส คอยบัญชาการ ปีกซ้าย จาดอน ซานโช่ และหน้าเป้า มาร์คัส แรชฟอร์ด
การประเดิมสนามเกมแรกของ แอนโทนี จากการซ้อมไม่กี่วัน ถือว่าเร็วมากในแง่ของนักเตะใหม่ แต่เมื่อพิจารณาจากฝีเท้าหลายนัดก่อนหน้านี้ที่ อีแลงก้า ทำไว้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หาก เทน ฮาก จะเลือกลูกรัก 100 ล้านยูโร แบบไม่ต้องคิดมาก ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าโค้ชชาวดัตซ์ ปลุกปั้นปีกซ้ายชาวแซมบ้า และมีคู่มือการใช้ ซึ่งความเสี่ยงที่จะทำเสียมันน้อยกว่ากันอยู่แล้ว
รูปเกมของแมตช์นี้
เมื่อคืน แมนยูใช้เวลาไม่นานก็คุมเกมได้ เหมือนกับเกมก่อนๆ แล้วบุกใส่ผู้มาเยือนเป็นระลอกจนเกือบได้ประตูขึ้นนำถึง 2-3 จังหวะในช่วง 10 นาทีแรก กระทั่ง อีริคเซ่น โดน มาร์ติน โอเดการ์ด แซะจากด้านหลังล้มลงไป และเสียบอลตรงกลางให้ อาร์เซน่อล จู่โจมอย่างรวดเร็ว โดยเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี ที่ส่งบอลเข้าตะข่ายไป แต่ทว่าลูกนั้นไม่เป็นประตู หลังจากผู้ตัดสินเช็ค VAR ว่า ผู้มาเยือนเข้าสกัดไม่โดนบอล บวกกับการผลักแข้งกองกลางเดนมาร์กกระเด็น ทำให้สกอร์ถูกริบคืนไป
ในช่วงหลังจาก 15 นาที แมนยู ไม่สามารถเก็บบอลได้เลย และเป็นฝ่าย อาร์เซน่อล ที่อาศัยรูปแบบการเล่นที่เป็นระบบ และมีทีมเวิร์คมากกว่า ครองบอลไปถึง 85% แถมบุกใส่เจ้าบ้านอยู่ข้างเดียว ทว่าการที่ “ปืนใหญ่” บุกยับแต่ดันไม่ได้ประตูออกนำ กลับกลายเป็นโดนซ่ะเอง เมื่อ “ปีศาจแดง” ค่อยๆ ขึ้นเกมจากด้านหลัง และต่อบอลเพียง 4-5 จังหวะ บอลก็มาถึงเท้าของ แอนโทนี และลูกดังกล่าวก็เป็นประตูขึ้นนำ 1-0
แมนยูเสียประตูจากการที่ ราฟาเอล วาราน จ่ายบอลพลาด จนตัวเองหลุดตำแหน่งทำให้ โอเดการ์ด แทงทะลุให้ กาเบรียล เฆซุส ก่อนจะถูก ดิโอโก้ ดาโลต์ สกัดบอลออกมา แต่บอลเจ้ากรรม ดันไหลไปเข้าเท้า บูกาโย ซาก้า ทำให้เขากดแบบไม่ต้องคิด ส่งทีมตีเสมอ 1-1
ส่วนลูก 2-1 เกิดขึ้นหลังจาก ดิโอโก้ ดาโลต์ ดักบอลได้แล้วจ่ายให้ คริสเตียน อีริคเซ่น ตวัดบอลจังหวะเดียวง่ายๆ ไปข้างหน้าให้ บรูโน่ แฟร์นานเดส ก่อนที่บรูโน่จะเหลือบเห็น มาร์คัส แรชฟอร์ด พร้อมวิ่ง จึงบรรจงแทงไซด์ก้อยทะลุช่องคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟของ อาร์เซน่อล แบบเวิลด์คลาสให้ แรชฟอร์ด หลุดเดี่ยวไปยิงอย่างคมกริบ
ประตูชัย 3-1 คราวนี้เป็น บรูโน่ ที่ขยับไปรับบอลจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทางกราบขวา แล้วกองกลางทีมชาติโปรตุเกสก็โชว์สายตาแหลมคมอีกครั้ง เขาเหลือบเห็นที่ว่างที่เกิดจากกองหลัง “ปืนใหญ่” ขยับขึ้นมาเพรสสูง แล้วเปิดโอกาสให้ “ปีศาจแดง” ที่ตัดบอลได้แล้วโต้กลับ รีบจ่ายให้ อีริคเซ่น หลุดไปแบบวิ่งตีคู่ไปกับ แรชฟอร์ด ก่อนที่เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเดนมาร์กจะทำแอสซิสต์ลูกแรกของซีซั่นให้ ด็อกเตอร์แรช ยิงเข้าไปง่ายๆ
ฟอร์มที่เปลี่ยนไป
ทั้งที่ช่วงต้นฤดูกาลทีมยังอยู่อันดับบ๊วย และคงไม่มีหวังลุ้นอะไรแล้ว แต่อยู่ดีๆ แม็คโทมิเนย์ ก็เปลี่ยนร่างเป็นคนละคน และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป มีแวว คาเซมิโร่ จะต้องนั่งยาวๆ นอกเหนือจากการได้เห็นดาวเตะค่าตัวแพงอย่าง แอนโทนี ยิงได้ทันทีตั้งแต่เกมประเดิมสนามแล้ว การได้เห็น บรูโน่, อีริคเซ่น กับ แรชฟอร์ด ประสานงานกันอย่างเข้าขารู้ใจ และโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ มันช่างทำให้มีความสุข และมีลุ้นติดท็อปโฟร์ ในขณะที่ทีมบิ๊กๆ กำลังทำแต้มหล่น
แม้รูปเกมโดยรวม 3-4 นัดที่ผ่านมา จะดูอึดอัดบ้างในบางจังหวะ แต่หนึ่งในเครื่องหมายการค้าของเกมรุก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือไม่ต้องเล่นมากจังหวะ เห็นช่องแล้วแทงให้เพื่อนวิ่งทันที จ่ายแม่นๆ ใช้ความเร็วโจมตี และเลือกผ่านบอลให้คนที่อยู่ในตำแหน่งดีที่สุดจบสกอร์
สถิติเมื่อคืน ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ 3 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ชนะ 4 เกมรวดหลังแพ้ 2 นัดแรกของซีซั่นโดยทีมที่ทำได้ก่อนหน้านี้คือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (2011/12) และ อาร์เซน่อล (2018/19)
- บรูโน่ แฟร์นานเดส แอสซิสต์ 23 ประตู จากลูกโอเพ่นเพลย์ใน พรีเมียร์ลีก และเป็นนักเตะที่จ่ายมากที่สุดในลีกนับตั้งแต่เดบิ๊วต์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2020
- แอนโทนี กลายเป็นนักเตะ บราซิล คนที่ 100 ที่ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก และเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในบรรดาแข้งแซมบ้าที่ยิงประตูในเกมเดบิ๊วต์ (22 ปี 192 วัน)
- การเอาชนะรวดได้ 4 เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับเป็นการกวาดชัยต่อเนื่องมากที่สุด ต่อจากครั้งสุดท้ายที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เคยทำไว้ 5 นัดรวด (เดือน มีนาคม-เมษายน 2021)
- อาร์เซน่อล ไม่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยใน 7 เกมหลังสุด เมื่อพวกเขาต้องลงสนามในฐานะ “จ่าฝูง” (เสมอ 2 แพ้ 5 )