ซีซั่นนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังมาก ซึ่งให้พูดตามตรงในช่วงหลังๆ กราฟผลงานดิ่งลงเรื่อยๆ และสโมสรก็เริ่มเหินห่างจากการเป็นแชมป์มากขึ้นทุกที แม้จะเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ เข้ามาคุมหัวเรือหลายต่อหลายราย แต่ทีมก็ยังไปไม่ถึงแชมป์ลีกอย่างที่หวังไว้ โดยการเข้ามาของ เอริก เทน ฮาก หลังจบฤดูกาลนี้ ถือเป็นการคาดหวังอย่างสูงว่าทีมจะกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง และบทความนี้จะชี้ให้เห็นว่าปัญหาของทัพ “ปีศาจแดง” ที่นายใหญ่คนใหม่ควรเข้ามาแก้ไขมีอะไรบ้าง
มิดฟิลด์ตัวรับ
กองกลางตัวรับถือเป็นปัญหาหลักๆ ในฤดูกาลนี้เลย โดย เฟร็ด, สกอตต์ แมคโทมิเนย์ และ มาติช ถือเป็นผู้เล่นที่ถูกเลือกใช้มากที่สุดในตำแหน่งนี้ แต่ทว่าเกมรับที่ควรแก้ไข กลับกลายเป็นการสร้างปัญหาขึ้นมาเสียเอง ผู้เล่นในตำแหน่งนี้ไม่มีความสม่ำเสมอ ส่งบอลไม่ตรง ทำให้บอลเสียจังหวะ นำไปสู่การเสียประตูบ่อยครั้ง
การเก็บบอลของมิดฟิลด์ตัวรับแมนยู มักจะพลาดบ่อยมากในการทำเกมจากแดนกลาง ทำให้แมนยูเสียโอกาสในการบุก หรือครองบอลไปแบบฟรีๆ ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นปัจจัยหลัก ที่ เอริก เทน ฮาก ต้องรีบกำจัดข้อด้อยทิ้งให้ไว
เกมรับในแดนหลัง
กองหลังถือเป็นปัญหาหนักอีกเรื่อง ที่แมนยูพบเจอในซีซั่นนี้ แม้ว่าจะได้นักเตะอย่าง ราฟาเอล วาราน มาเสริมทัพ แต่ปัญหานี้ก็ยังคงเรื้อรังอยู่ ตอนนี้คนที่ติดตามแมนยูมองเห็นได้ชัดเลยว่า ไม่มีกองหลังคนไหนเลยที่ทำให้เราไว้ใจ ไม่ว่าจะเซ็นเตอร์ หรือในตำแหน่งแบ็ค
แมนยูในซีซั่นนี้ถูกเจาะมาจากทุกมุมได้สบาย เกมรับเสียประตูเป็นก๊อกรั่ว แตกต่างจากซีซั่นก่อนๆ ที่แบ็คดุดันจนยากที่จะเจาะได้ง่ายๆ ให้พูดตามตรงตำแหน่งกองหลังเวลานี้มีแต่ข้อด้อย ความสำคัญในเกมรับยังทำกันไม่ได้ คงไม่ต้องหวังที่จะให้กองหลังบุกสูง ตามสไตล์ของโค้ชชาวดัตซ์
นอกจากนี้ กองหลังคนสำคัญอย่าง แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่มูลค่ามหาศาล และควรจะเป็นทั้งผู้นำ ก็กลับมากลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักเช่นเดียวกัน ซึ่งในยุคของ เอริก เทน ฮาก เป็นไปได้ว่าอาจถูกดรอปยาว เพราะโค้ชชาวดัตซ์มักชอบผู้เล่นที่มีความรวดเร็ว และคล่องตัว
การเสริมทัพที่เหมาะสม
จากสองข้อที่กล่าวมา เทน ฮาก ควรมีส่วนร่วมกับการซื้อขายนักเตะด้วยตนเอง เพราะโค้ชคนก่อนๆ ที่ถูกสโมสรแทรกแซง เราก็เห็นกันดีแล้วว่า มันจะทำให้ผู้เล่นที่โค้ชไม่อยากได้ ไม่เข้ากับแผนการทำทีม และระบบที่วางไว้
ซึ่งในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ แมนยูจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการเสริมทัพหลายตำแหน่ง ทั้ง กองหน้า อนาคต, กองกลางตัวรับ ที่สามารถเก็บบอลได้, กองหลัง ที่เล่นไลน์สูงตามสไตล์ เทน ฮาก และ ผู้รักษาประตูที่เล่นบอลกับเท้าได้ดี
รวมถึงต้องหาผู้เล่นมาทดแทนนักเตะที่จะหมดสัญญาในซัมเมอร์นี้ โดยคาดว่านักเตะที่จะเข้ามาสู่ทีมในยุค เทน ฮาก ต้องมีคุณสมบัติเล่นบอลรวดเร็ว และมีความคล่องตัว สไตล์เดียวกับ อาแจ็กซ์
สไตล์การเล่นที่ชัดเจน
แมนยูไม่มีสไตล์การเล่นที่ตัวเองยึดถือเป็นหลัก ยกตัวอย่างง่ายๆ เจอร์เก้น คล็อปป์ ของ ลิเวอร์พูล ยึดมั่นในฟุตบอลแบบ เฮฟวี่ เมทัล ที่บีบสูง เพรสซิ่งเข้าแย่ง แล้วจู่โจมว่องไว
ส่วน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ของ แมนฯ ซิตี้ ถือมั่นในฟุตบอลที่สวยงาม เคาะบอลกันตามช่องไปเรื่อยๆ โดยเน้นการครองบอลเป็นสำคัญ คล้ายๆ กับวิธีการเล่นของ บาร์เซโลน่า
แต่ทว่าแมนยูในตอนนี้ ยังหาสไตล์ของตัวเองไม่เจอเลย ไม่มีจุดเด่นทางด้านไหน ตอนนี้ใช้ความสามารถของนักเตะรายคนในการเล่นนัดต่อนัด ทำให้ทีมไร้รูปแบบ และระบบ ซึ่งการเข้ามาของ เทน ฮาก อาจจะช่วยให้ยูไนเต็ดมีสไตล์เป็นของตัวเองได้
การขาดผู้นำที่ดี
แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กลางฤดูกาล 2019/20 ซึ่ง ผู้นำคือคนที่เรามองไปหาเมื่อเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ หรือต้องการแนวทางในการแก้ไขสถานการณ์ ไม่ว่าจะเร่งด่วน หรือระยะยาว
กองหลังกัปตันของทีม ไม่ได้ทำหน้าที่ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เมื่อสถานการณ์ตกต่ำย่ำแย่ เราแทบไม่เห็นเขามีบทบาทในการกระตุ้นลูกทีมให้ลุกกลับขึ้นมาสู้ใหม่เลยด้วยซ้ำ ทำให้ในสนาม นักเตะของ “ปีศาจแดง” เต็มไปด้วยผู้ตาม ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังตามแนวทางของใครอยู่ในเกม
ขณะที่นักเตะที่เข้าข่ายเป็นกัปตันทีม และมีบุคลิกการเป็นผู้นำ ได้แก่ บรูโน่ แฟร์นานเดส กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็อาจเป็นตัวเลือกให้ เทน ฮาก พิจารณาการเปลี่ยนแปลงกัปตันทีมคนใหม่
ไร้ DNA “ปีศาจแดง”
ตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ แมนยูตอนนี้ไม่เหลืออัตลักษณ์ และดีเอ็นเอเลือดนักสู้อีกแล้ว โดยเกมในฤดูกาลนี้ชี้ให้เห็นเลยว่า ผู้เล่นในทีมหลายราย ไม่มีใจที่จะสู้เพื่อสโมสร และถอดใจกันง่ายๆ ต่างจากยุคของเฟอร์กี้ที่วิ่งกันลืมตาย ทำเพื่อทีมแบบสุดชีวิต
เอาจริงๆ ให้เทียบฝีเท้ากับแข้งในลีกตัวต่อตัว ผู้เล่น “ปีศาจแดง” ไม่ได้ด้อยกว่ากันเยอะเลย แต่ที่ทำให้แมนยูห่างชั้น คือ จิตใจมากกว่าฝีเท้า ทั้งที่ฝีเท้านักเตะก็อยู่ในระดับพอลุ้นแชมป์ แต่ทว่าให้พูดตรงๆ ทีมที่อยู่โซนล่างของตารางคะแนน นักเตะยังดูดุดันมากกว่ายูไนเต็ดด้วยซ้ำ
แมนยูไม่มีสิ่งเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว ในเวลานี้เหมือนไร้จุดหมาย ซึ่งนักเตะในทีมควรถามตัวเองว่า สรุปแล้ว “พวกคุณรักสโมสรแห่งนี้จริงไหม” และนี้คือสิ่งที่ เอริก เทน ฮาก ควรปลูกฝั่งลงไปให้ผู้เล่นของเขาซีซั่นหน้าให้ได้.