คืนวันอังคารที่ผ่านมา สื่ออังกฤษหลายสำนักรายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกแถลงทางการ ประกาศว่าได้เริ่มขั้นตอนพิจารณาทางเลือกด้านยุทธศาสตร์ของสโมสร ซึ่งรวมไปถึงการขายทีมให้นักลงทุนรายใหม่ ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีม กำลังพิจารณาหานักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นสโมสร
ภายหลังจากออกแถลงการณ์แยกทางกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกส ผู้บริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ออกประกาศฉบับใหม่ ที่มีเนื้อหาใจความว่าพวกเขากำลังมองถึงความเป็นไปได้ที่จะขายสโมสรให้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาดูแลกิจการต่อ
อัฟราม เกลเซอร์ และ โจเอล เกลเซอร์ สองผู้บริหารของทีม ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ของ “ปีศาจแดง” โดยระบุว่าพวกเขากำลังมองหากลยุทธ์ในการบริหารทีม รวมถึงการลงทุนใหม่ภายในสโมสร อันหมายถึงการขายสโมสร หรือทำธุรกรรมอื่นใดที่มีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทีมไปข้างหน้า ซึ่งพวกเขาพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอที่เข้ามา
แถลงการณ์จากทางสโมสร
แถลงการณ์ของสโมสรผ่านเว็บไซต์ทางการถึงประเด็นนี้ว่า “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในสโมสรกีฬาที่ประสบความสำเร็จและมีประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก ขอประกาศว่าวันนี้บอร์ดบริหารกำลังเริ่มต้นขั้นตอนสำหรับพิจารณาทางเลือกด้านยุทธศาสตร์ของสโมสร”
“ขั้นตอนดังกล่าวถูกวางแผนขึ้นเพื่อยกระดับการเติบโตของสโมสรในอนาคต โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการทำให้สโมสรอยู่ในตำแหน่งที่มีโอกาสได้รับประโยชน์มากที่สุด ทั้งในสนาม และในด้านธุรกิจ”
“บอร์ดบริหารจะพิจารณาทางเลือกยุทธศาสตร์ในทุกด้าน รวมไปถึงการหาการลงทุนใหม่เข้ามาในสโมสร, การขายสโมสร หรือการดำเนินการทางธุรกิจอย่างอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับสโมสร”
“นั่นรวมไปถึงประเมินสถานการณ์เพื่อริเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้กับสโมสร ทั้งเรื่องสนามแข่ง, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และขยายโครงการด้านธุรกิจในระดับโลก”
“การดำเนินการทุกอย่างจะอยู่ภายใต้บริบทเพื่อสร้างความสำเร็จระยะยาวให้ทั้งทีมชาย, ทีมหญิง และทีมเยาวชนของสโมสร รวมไปถึงสร้างประโยชน์ให้เหล่าแฟนบอลและผู้ถือหุ้นรายอื่น”
“ทั้งนี้ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าการพิจารณาที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ จะส่งผลให้เกิดธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสโมสร”
“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ต้องการแถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการนี้ จนกว่าบอร์ดบริหารจะอนุมัติธุรกรรมใดโดยเฉพาะ หรือจนกว่าจะมีการกระทำอื่นที่จำเป็นต้องมีประกาศอย่างเป็นทางการ”
อัฟราม เกลเซอร์ และ โจเอล เกลเซอร์ สองผู้บริหารของทีม กล่าวเพิ่มเติมผ่านประกาศนี้ว่า “ความแข็งแกร่งของ แมนเสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นอยู่กับแพสชั่น และความจงรักภักดีจากแฟนบอล 1.1 พันล้านคนทั่วโลก”
“เราต้องการสร้างความสำเร็จให้สโมสรต่อไป และบอร์ดบริหารได้อนุมัติให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงทางเลือกด้านยุทธศาสตร์”
“เราจะพิจารณาทุกทางเลือกที่ปรากฎ เพื่อทำให้มั่นใจว่าเรามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแฟนบอล และเปิดโอกาสให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เติบโตอย่างเต็มที่ ทั้งในวันนี้และในอนาคต”
“ระหว่างการดำเนินการนี้ เราจะยังโฟกัสเต็มที่กับการมอบสิ่งที่ดีสุดให้แฟนบอลของเรา, ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทั้งหลายของสโมสร”
มูลค่าคาดการณ์ของสโมสร
เป็นเรื่องน่าสนใจว่าการประกาศของ แมนฯ ยูไนเต็ด รอบนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาประกาศยุติสัญญาระหว่างทีมกับ โรนัลโด้ ในเวลาไม่นานนัก ซึ่งเวลานี้ตระกูลเกลเซอร์ ได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการลงทุน เข้ามาดูแลเรื่องการขายทีม หรือขายหุ้นของพวกเขา ซึ่งก่อนหน้าก็เคยมีข่าวว่าครอบครัวเกลเซอร์ ต้องการที่จะขายหุ้นบางส่วนของตัวเองออกไป
ครอบครัวเกลเซอร์ เข้าเทคโอเวอร์กิจการของ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2005 ด้วยราคา 790 ล้านปอนด์ (ประมาณ 33,690 ล้านบาท) ก่อนดูแลบริหารถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาตลอด 17 ปี แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขากลับไม่สามารถบริหารทีมไปสู่ความสำเร็จได้ จนทำให้สาวก “เร้ดส์ อาร์มี่” เกิดความไม่พอใจ และทำการประท้วง ต่อต้านพลางขับไล่ตระกูลเกลเซอร์อยู่บ่อยครั้ง
สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปัจจุบันได้รับการประเมินจาก ฟอร์บส สื่อธุรกิจชั้นนำ ให้เป็นทีมฟุตบอลที่มีมูลค่าอันดับ 3 ของโลก ด้วยจำนวน 3.7 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 157,805 ล้านบาท) มากกว่าตอนที่ครอบครัวเกลเซอร์ เทคโอเวอร์กิจการหลายเท่า และเป็นตัวเลขที่ชวนท้าทายว่าจะมีบริษัท หรือเศรษฐีรายใด สนใจรับช่วงต่อในการดูแลยอดทีมแห่งแมนเชสเตอร์นี้.