ufabet

เดวิด เบ็คแฮม ศัตรูเบอร์ 1 ของคนอังกฤษ

เดวิด เบ็คแฮม ศัตรูเบอร์ 1 ของคนอังกฤษ

เดวิด เบ็คแฮม ถือเป็นจอมปั้นฟรีคิกผู้โด่งดังในยุค 90 ถึงยุคมิลเลนเนียล ผู้เล่นปรากฏการณ์ที่สั่นสะท้านวงการไปทั่วโลก หนึ่งในนักเตะชื่อดังในโลกฟุตบอล และในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับความสำเร็จ และมีแต่คนต้อนรับ แต่ในนามทีมชาติเขาเคยถูกขู่ฆ่ามาแล้ว บทความนี้ เทพแมนยู จะพาไปเปิดเรื่องราว และอุปสรรคของ “พ่อเทพบุตรเท้าชั่งทอง” กับทีมชาติอังกฤษ

ความเป็นมาของ เดวิด เบ็คแฮม

เดวิด โรเบิร์ต โจเซฟ เบ็คแฮม (David Robert Joseph Beckham) เกิดในเมือง เลย์ตันสโตน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เบ็คส์เติบโตขึ้นมาในครอบครัวชนชั้นกลาง และเป็นแฟนของทัพ “ปีศาจแดง” พ่อของ เบ็คแฮม เป็นช่างซ่อมเครื่องไฟฟ้า และซ่อมครัว ส่วนแม่ทำอาชีพออกแบบทรงผม

ต่อมาเมื่อเบ็คแฮม อายุได้ 4 ขวบ เขาเริ่มฝึกฝนเทคนิค ด้วยตนเองหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์ในสวนสาธารณะใกล้ๆ บ้าน จากความชอบส่วนตัว จนกลายมาเป็นความฝันในอนาคตของเด็กชายตัวเล็กๆ ในตอนนั้น และเมื่อเริ่มเข้าโรงเรียน ไม่ว่าครั้งใดก็ตามที่คุณครูถามถึงอนาคตว่าเมื่อโตขึ้น ต้องการจะเป็นอะไร เขาจะตอบอย่างไม่รังเรว่า “นักฟุตบอล”

เมื่อเขาอายุได้ 7 ปี พ่อ และแม่ของเจ้าหนูเบ็คส์ จึงส่งเขาให้กับโครงการฝึกอบรมเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อที่จะได้เรียนรู้ และฝึกซ้อมทางด้านฟุตบอลอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มทักษะต่างๆ ให้กับตัวเขาเอง และเมื่ออายุ 10 ปี เบ็คแฮม ก็ได้ออกจากบ้านเพื่อมาเล่นให้กับแผนกการฝึกของทีม ทำให้ทางด้านครอบครัวของเขาดีใจไม่น้อย และเขาก็ได้เข้าเป็น นักเตะฝึกหัดของสโมสรในที่สุด

มุ่งสู่การค้าแข้งระดับอาชีพ

ในฤดูกาล 1994/95 เดวิด เบ็คแฮม ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่องในตำแหน่งกราบขวาแทนรุ่นพี่ที่ถูกปล่อยไปทันที แม้เจ้าตัวจะไม่มีความเร็วที่จัดจ้าน และไม่มีลีล่าในการกระชากบอลที่สวยงามเหมือนนักเตะริมเส้นคนอื่นๆ แต่เขาทดแทนมันด้วยเครื่องหมายการค้าที่ติดตัวเขาไปตลอดอาชีพการค้าแข้ง นั้นก็คือความแม่นยำ

ชื่อเสียงของ เบ็คแฮม เริ่มโด่งดังมากขึ้น เมื่อครั้งที่เขาสามารถทำประตูได้จากระยะ 57 หลา ในเกมเปิดฤดูกาล 1996/97 ที่พบกับ วิมเบิลดัน ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จัก และถูกทั้งโลกจับตามองมากยิ่งขึ้น แถมด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อ และเท่ห์ จนกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลทั่วโลกในยุคนั้น

ติดทีมชาติ และอุปสรรคกับทัพ “สิงโตคำราม”

ในปีเดียวกันช่วงเดือนกันยายน เขาถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก และยังได้รับตำแหน่ง นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำเดือน สิงหาคม ปี 1996 ของพรีเมียร์ลีก แถมด้วยตำแหน่งนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ปี 1996/97

ในฟุตบอลโลกปี 1998 แม้ว่าเบ็คส์จะได้ลงเล่นครบทุกนัดก็ตาม แต่ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในตอนนั้น คือ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล ได้วิจารณ์ว่า เบ็คแฮมนั้นไม่มีสมาธิกับฟุตบอลเท่าใดนัก ทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นใน 2 นัดแรก แต่สามารถกลับมาลงสนามได้อีกนัด ในรอบที่อังกฤษชนะโคลัมเบีย 2-0 และสามารถทำประตูได้ด้วย

ต่อมาในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสอง นัดที่เป็นที่จดจำของเบ็คแฮม และแฟนบอลตลอดไป คือเกมที่พบกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งเบ็คแฮมได้ทำฟาล์วนอกเกมกับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กองกลางของทัพ “ฟ้าขาว” ทำให้ต้องโดนใบแดงไล่ออกไป การแข่งขันนัดนั้น อังกฤษเสมอกับอาร์เจนติน่า จนต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ และเป็นอังกฤษที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับอาร์เจนติน่าในการดวลจุดโทษ

ทำให้สื่ออังกฤษอย่าง เดลี่ มิเรอร์ พาดหัวข่าวว่า “10 สิงโตฮีโร่ กับ 1 เด็กงี่เง่า” ส่วน เดอะ ซัน สำนักข่าวชื่อดังอีกที่ก็ลงหน้า 1 เป็นรูป เดวิด เบ็คแฮม แปะไว้ที่กระดานลูกดอก แล้วเขียนว่า “ยังคงแค้นอยู่ใช่ไหม เอาความโกรธของคุณ มาระบายใส่กระดานลูกดอก หน้าเบ็คแฮมของเราสิ”

แฟนบอลรายหนึ่งนำหุ่นหนุ่มเบ็คส์ไซส์เสมือนจริงไปจับแขวนคอหน้าผับ เป็นการระบายความโกรธแค้นมีการนำเสื้อ และหุ่นหน้าเบ็คแฮมมาเผากันกลางถนน มีจดหมายขู่ฆ่าครอบครัว ส่งไว้ที่บ้าน โจมตีว่าเป็นความผิดของเดวิด เบ็คแฮม นับเป็นช่วงที่ยากลำบากของเค้าเลยทีเดียว แต่ทว่า เบ็คแฮม ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรควันนั้นมาได้

เบ็คแฮม คือศัตรูของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าเขาจะไปเล่นสนามไหน เขาโดนโห่สนามนั้น อาจมีเพียงแค่ แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น ที่อยู่เคียงข้างเขา ในฤดูกาล 1998/1999 สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติกาล

โดยการคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ ซึ่งคว้าแชมป์ในรายการสำคัญได้ทั้ง 3 รายการ คือ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัฟ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยที่ เบ็คแฮม นั้น มีส่วนร่วมอย่างมากในการทำประตูสำคัญ และทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในปีนั้น

ปลอกแขนกัปตัน และการแก้ตัวกับทีมชาติอังกฤษ

หลังจาก เควิน คีแกน โดนปลดออก หลังพาทีมตกรอบแรกใน ยูโร ปี 2000 ปีเตอร์ เทย์เลอร์ ถูกแต่งตั้งเข้ามารับงานคุมทีมชาติอังกฤษชั่วคราว ด้วยความที่ อลัน เชียเรอร์ อำลาทีมชาติไปแล้ว จึงจำเป็นต้องหากัปตันทีมคนใหม่ ซึ่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด หรือ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็ยังเด็กเกินไป ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครมีบารมีพอ

ปีเตอร์ เทย์เลอร์ จึงตัดสินใจมอบปลอกแขนให้ เดวิด เบ็คแฮม แน่นอน มีเสียงต่อต้านมากมาย คนก็หมั่นไส้เบ็คส์เป็นทุนอยู่แล้ว แต่เทย์เลอร์ คิดว่าเบ็คส์มีคุณสมบัติเหมาะที่สุด และพอ สเวน โกรัน อิริคส์สัน เข้ามารับงานคุมทีมถาวร เขาก็ไม่เปลี่ยนกัปตัน ยึดเบ็คแฮม เอาไว้ตามเดิม

เบ็คส์ช่วยทีมชาติอังกฤษ ทำผลงานได้ดี ในรอบคัดเลือกบอลโลก 2002 จนทีมขึ้นนำเป็นจ่าฝูงกลุ่ม ใกล้ได้ไปบอลโลกทุกที จนมาถึงนัดสุดท้าย สถานการณ์ในกลุ่มนี้ อังกฤษ พบกับกรีซ ในบ้าน ถ้าชนะก็ได้ไปเล่นบอลโลกแบบ 100% แต่ถ้าเสมอ ต้องแช่งให้เยอรมัน ที่แข่งพร้อมกันเสมอกับฟินแลนด์ด้วย

เกมที่เบอร์ลิน เยอรมัน เสมอกับฟินแลนด์ 0-0 แต่ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อังกฤษกำลังจะแพ้ ทว่าในนาทีที่ 90+3 อังกฤษได้โอกาสครั้งสุดท้ายในเกม ซึ่ง เดวิด เบ็คแฮม พาทัพ “สิงโตคำราม” กลับมาเสมอ 2-2 ได้ จากการยิงฟรีคิกระยะไกล 25 หลา ปั่นบอลด้วยเท้าขวา บอลพุ่งโค้งวาบเสียบสามเหลี่ยมมุมซ้ายบน

เขายิงเข้าจริงๆ และอังกฤษได้ไปบอลโลกเพราะ เดวิด เบ็คแฮม คนที่แฟนบอลเกลียดชังมาตลอด 4 ปี จากฟรีคิกลูกนี้ ไม่มีใครเกลียดผู้ชายคนนี้อีกต่อไป.


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น