ช่วงหัวค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา คงเป็นคืนที่น่าเจ็บใจของสาวกปีศาจแดงอีกครั้ง หลังจากเปิดบ้านพ่ายเพื่อนร่วมเมืองมา 0-2 โดยที่เกมนี้ “เรือใบสีฟ้า”ได้ประตูขึ้นนำลูกแรกจากการทำเข้าประตูตัวเองของ เอริก ไบญี่ เพียงนาทีที่ 7 เท่านั้น และได้ประตูชัยก่อนช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก จากการทำประตูของ แบร์นาโด้ ซิลวา ในนาทีที่ 45 และจบเกมการแข่งขันไปด้วยสกอร์นี้ เกมนี้มีอยู่ 6 ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับปีศาจแดง
โดยประเด็นแรก อยู่ที่ความพ่ายแพ้คาบ้านนัดที่ 3 จาก 6 เกมในซีซั่นนี้ จบลงตั้งแต่ครึ่งแรก และเป็นความโชคดีของแมนยูอย่างมาก ที่ไม่โดนยิงไส้แตกเหมือนเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-5 เพราะได้ ดาบิด เด เคอา ช่วยเซฟสำคัญไว้หลายช็อต ซึ่งช่วงนี้ฟอร์มของผู้รักษาประตูชาวสเปนถือว่ายอดเยี่ยมมาก แต่เพื่อนร่วมทีมกับเล่นกันได้ย่ำแย่สุดๆ จนเจ้าตัวถึงกับเดินโมโหไปต่อยป้ายทางเข้าอุโมงค์ช่วงพักครึ่ง
ประเด็นที่สอง ลูปนรกของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยามที่เข้าตาจน และใกล้โดนไล่ปลด โอเล่มักจะพาทีมทำผลงานได้ดีเกินคาด ซึ่งเขารอดตายมาจากการถูกไล่ออกอีกครั้งด้วยการบุกไปเก็บชัยชนะเหนือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-3 และต่อมาตามคาดคือ โอเล่ จะพาทีมเสมอ นั้นก็จริงอีกครั้ง เมื่อเกมยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก แมนยูก็บุกเจ๊ากับอตาลันต้าตามคาด ก่อนที่สุดท้ายจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ซิตี้ 0-2 ในเกมล่าสุด มันคงจะเป็นแบบนี้ต่อไปหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
ประเด็นที่สามอยู่ที่ เอริก ไบญี่ โดยไบญีสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับการบุกไปเจ๊ากับ อตาลันต้า ในเกมยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกกลางสัปดาห์ โซลชาจึงเลือกให้เขาออกสตาร์ทตัวจริงอีกครั้ง แล้วมันก็ชัดเจนว่าเหตุใดเขาจึงไม่ได้ลงเล่นบ่อย เพราะทุกครั้งที่เขาเล่นดี เกมต่อมาก็มักจะบาดเจ็บ หรือเล่นได้แย่ไปเลย ซึ่งในกรณีนี้คืออย่างหลัง
ประเด็นต่อมา คือหลังโคตรรั่ว ฤดูกาลนี้ปีศาจแดงได้ตัว ราฟาเอล วาราน มาร่วมทัพ แต่ก็ต้องเจออาการบาดเจ็บตามเล่นงานถึง 2 ครั้งในซีซั่นนี้ แต่สิ่งที่น่าผิดหวังคือกองหลังตัวหลักที่เหลืออย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า ฟอร์มในช่วงหลังป่วยอย่างหนัก เล่นไม่สมกับการที่เป็นนักเตะของทีมใหญ่ อย่างที่เห็นในเกมนี้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์เกมรับอย่างรั่ว ไม่สมราคา 80 ล้านปอนด์เลย ส่วนฟูลแบ็คทั้งสองข้างเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้แมนยูเสียทั้งสองประตู แต่จะโทษกองหลังทั้งหมดก็คงไม่ได้ เพราะความผิดอีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่กลางรับที่มีอาการยวบเหลือเกิน
ประเด็นที่ห้าต่อมาจากประเด็นที่สี่ คือเรื่องของคู่หูแดนกลางอย่าง แม็คสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และเฟร็ด ซึ่งนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ได้เห็นคู่กองกลางคู่นี้ลงสนามเล่นด้วยกัน และผลก็แย่ตามคาด การใช้ผู้เล่นเดิมๆ ที่ฟอร์มการเล่นไม่ดีในช่วงนี้ ผลลัพธ์มันก็มักจะออกมาแบบเดิมๆ แดนกลางไม่สามารถเก็บบอลกลับมาครองได้ ถูกแมนซิตี้ที่เป็นฝ่ายครองบอลขึงเกมได้มากกว่า มิหนำซ้ำเฟร็ดลูกรักยังโชว์การจ่ายบอลเสียอยู่บ่อยครั้ง และเหมือนเดิมคือจังหวะการเบียดแย่งบอลที่ไม่เคยสู้คู่แข่งได้เลย ตัดเกรดสองแดนกลางคงได้กันแค่ 1 คะแนน เรื่องเกมตั้งที่จะบุกไม่ต้องพูดถึงเลย แต่วันนี้เหมือนโซลชาจะรู้ตัว แต่ก็รู้ตัวช้ามาก โดยนาทีที่ 80 ของเกม โอเล่ตัดสินใจส่งดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ลงสนามมาแทนที่ของเฟร็ด ทำเอาแฟนบอลในโอล์ด แทรฟฟอร์ด ลุกปรบมือกันก้องสนาม
ประเด็นสุดท้าย การปลด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แม้โซลชาจะเปลี่ยนแปลงแผนการเล่นจากแผนเก่ง 4-2-1-3 มาเป็น 3-5-2 แต่รูปแบบการเล่น และแท็คติกการเล่นมันก็เหมือนเดิม นักเตะไม่เคลื่อนที่ ไม่หาพื้นที่ เสียบอลตามช่องง่าย แถมยังลงรับต่ำแต่ก็เสียประตูง่ายเหมือนเดิม ซึ่งนี้มันไม่ได้อยู่ที่แผน แต่ปัญหามันอยู่ที่ระบบการเล่น ดังนั้น ช่วงพักเบรกทีมชาติ เหมาะมากสำหรับการปลดโซลชา เพราะถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แฟนบอลคงต้องทนกับเกมแบบเดิมกันต่อไป และอีกเรื่องคือ กุนซือตัวท็อปแทบไม่เหลือแล้ว เพราะ อันโตนิโอ คอนเต้ พึงถูกสเปอร์สปาดหน้าไป ส่วน ซีเนอดีน ซีดาน ก็ไม่มีวี่แววที่จะมาคุมทัพผี ดูแล้วบอร์ดบริหารจะเชื่ออะไรบางอย่างในตัวของกุนซือนอร์เวย์รายนี้ เพราะถ้าเบื้องบนต้องการจะปลดก็ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ศึกแดงเดือดที่สถานการณ์ย่ำแย่กว่านี้มาก.
สถิติที่สุดอัปยศเมื่อคืน ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากการนำทัพของโซลชาเก็บสถิติใหม่อีกแล้ว โดยไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้เลยตลอดการเล่นในบ้าน 14 นัดหลังสุด ในซีซั่นนี้ทุกรายการ และเสียประตูใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด มา 14 เกมติดกันแล้ว นี่เป็นสถิติที่แย่ที่สุดในรอบเกือบ 80 ปี ของสโมสร
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถจ่ายบอลสำเร็จ 753 ครั้ง ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด กลายเป็นสถิติใหม่ที่ผ่านบอลยามเจอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากที่สุดนับตั้งแต่ Opta เริ่มเก็บสถิติในฤดูกาล 2003/04
- เอริก ไบญี่ เป็นนักเตะ ยูไนเต็ด คนแรกที่ยิงเข้าประตูตัวเองในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีก
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในลีกเป็นเกมที่ 8 ซึ่งมากกว่าทุกทีมในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก.
