ufabet

ไขข้อข้องใจ! คาเซมิโร่ เป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย หรือแค่ตัวฉุกเฉินของ “ปีศาจแดง”

ไขข้อข้องใจ! คาเซมิโร่ เป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย หรือแค่ตัวฉุกเฉินของ “ปีศาจแดง”

ช่วงเปิดฤดูกาล 2022/23 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับความปราชัยในเกมลีกเปิดหัวถึง 2 นัดติดต่อ ส่งให้ทีมลงไปจมอยู่ในอันดับบ๊วยของตารางคะแนนแบบสุดช็อค ซึ่งจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น โดยหนึ่งในนั้นคือวิกฤตในแดนกลางของทีมจากการพลาดดีลของ เดอ ยอง และนักเตะที่มีอยู่อย่าง เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เล่นได้ไม่ดีพอ จึงทำให้ทางสโมสรต้องเร่งหาผู้เล่นในตำแหน่งนี้ทันที

บทสรุปคือการเซ็นสัญญา คาเซมิโร่ กองกลางบราซิลวัย 30 ปี มาจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวถึง 63 ล้านปอนด์ ซึ่งดีลนี้ทำให้เกิดคำถามว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หรือล้มเหลวของพลพรรค “ปีศาจแดง” เพราะเรื่องของอายุเขาก็แตะในหลัก 3 แล้ว บวกกับช่วงต้นซีซั่น แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนจะให้ความสนใจไปที่ตัวของ แฟรงกี้ เดอ ยอง มากกว่า จึงไม่แปลกที่คนจะสงสัย แม้จะมีประสบการณ์มากก็ตาม บทความนี้ เทพแมนยู จะพาไปหาคำตอบว่า คาเซมิโร่ เป็นจิ๊กซอตัวสุดท้าย หรือแค่ตัวฉุกเฉินกันแน่?

จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ มาดริด

คาเซมิโร่ เป็นนักเตะที่ทำงานหนัก ทุ่มเท กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ และถ่อมตนอยู่เสมอ โดยเจ้าตัวเป็นเด็กปั้นของ เซา เปาโล และย้ายมาเล่นกับ เรอัล มาดริด ในปี 2013 ก่อนจะย้ายไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับ เอฟซี ปอร์โต้ 1 ปี และหวนกลับมายัง “ราชันชุดขาว” อีกครั้งในยุคของผู้จัดการทีม ราฟาเอล เบนิเตซ

ในห้วงดังกล่าว ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร มาดริด ต้องการให้กองกลาง 3 คน อย่าง โทนี่ โครสฮาเมส โรดริเกซ และ อิสโก้ เล่นร่วมกัน ซึ่งผลออกมาคือทีมเสียสมดุลอย่างหนัก และเป็นผลให้ ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องอำลาสโมสรออกไป

ภายหลังได้มีการแต่งตั้ง ซีเนดีน ซีดาน เข้ามาคุมทีม โค้ชชาวฝรั่งเศสก็ปรับเอา คาเซมิโร่ ลงมายืนปักหลักหน้าแนวรับ และผลก็คือ กองกลาง “เซเลเซา” พัฒนาทักษะการเล่นส่วนตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนก้าวมายึดตัวจริงในตำแหน่งกองกลางตัวรับของทีมได้สำเร็จ พร้อมทำหน้าที่ร่วมกับสองมิดฟิลด์ของทีมพา “ราชันชุดขาว” ประสบความสำเร็จมากมายทั้งในสเปน และฟุตบอลยุโรป

สไตล์การเล่นของ คาเซมิโร่

สมัยเล่นกับ มาดริด คาเซมิโร่ ถูกยืนให้ปักหลักเป็นมิดฟิลด์ตัวรับหน้าแผงหลัง และคอยป้องกันหน้าหัวกระโหลกกรอบเขตโทษของทีม รวมถึงคอยซ้อนตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ซึ่งสิ่งที่เขาทำมันไม่ได้ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพ เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่ทรงพลังที่สามารถวิ่งขึ้น-ลงได้ตลอดทั้งเกม และไม่ใช่คนที่มีความสามารถในการเลี้ยงบอล หรือใช้เทคนิคเอาตัวรอด

แต่เจ้าตัวอ่านเกมได้อย่างเฉียบขาด และมักอาศัยการเข้าสกัดที่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ จึงทำให้การเล่นที่ธรรมดาๆ ของ คาเซมิโร่ เป็นการปิดทองหลังพระให้ โทนี่ โครส กับ ลูก้า โมดริช เล่นได้ง่ายขึ้น นั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะได้รับหน้าที่เดิมตลอด ทั้งในยุคของ ซีเนดีน ซีดาน คุมบังเหียน หรือยุค คาร์โล อันเชล็อตติ

จิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย หรือแค่ซื้อมาฉุกเฉิน

ในช่วงที่ เอริก เทน ฮาก เข้ามารับงานแรกๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียเวลาไปกับการเฝ้ารอ แฟรงกี เดอ ยอง กองกลาง บาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นนักเตะที่โค้ชชาวดัตซ์ต้องการตัวมาก และอาจเป็นแกนกลางสำคัญของทีมยุคใหม่ แต่แล้วก็มีปัญหาคาราคาซัง แม้จะสามารถตกลงค่าตัวกับ “เจ้าบุญทุ่ม” ได้ แต่กองกลางเนเธอร์แลนด์ไม่ต้องการที่จะย้ายมาเล่นกับทีม เพราะแมนยูไม่ได้ไป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

จึงทำให้ทีมต้องหาตัวแทนไว้ และในขณะเดียวกันช่วงท้ายของตลาด “ปีศาจแดง” ก็ตกเป็นข่าวกับ อาเดรียง ราบิโอต์ อดีตดาวรุ่งวงการฟุตบอลฝรั่งเศสที่ ยูเวนตุส พร้อมปล่อยตัวทันที เนื่องจากเขาเหลือสัญญาแค่ปีเดียว และรับค่าเหนื่อยในราคาสูงเกิน แต่บทสรุปก็จบลงอย่างว่องไว เมื่อการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเงื่อนไขส่วนตัวที่ทางนักเตะต้องการมีสูงเกินไปกว่าที่ แมนยู จะยอมตกลง สุดท้ายแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่ได้กองกลางตัวรับเข้ามาในทีมสักคน

จนมาแพ้สองเกมติดช่วงเปิดฤดูกาล นั่นทำให้ชื่อของ คาเซมิโร่ ปรากฏบนข่าวกับทัพ “ปีศาจแดง” ขึ้นมาโดยไม่มีใครคาดคิด เพราะที่ไม่คาดคิดคือ วัย และสไตล์ ของกองกลางบราซิลรายนี้ แตกต่างจาก เดอ ยอง หรือแม้แต่ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่มีความไดนามิกมาก ไม่นับเรื่องค่าตัวในการย้ายทีมที่ค่อนข้างสูง สำหรับนักเตะที่อายุหลัก 3 แล้ว เขายังน่าเป็นห่วงในเรื่องของอาการบาดเจ็บ ที่อาจจะเหมือนกับเคสของ ราฟาเอล วาราน

อย่างไรตาม ที่กล่าวข้างต้นไม่ได้หมายความว่า คาเซมิโร่ เป็นตัวเลือกที่แย่ เพราะแม้เขาจะไม่ใช่นักเตะที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลได้ตลอดเวลา แต่เขาเป็นนักเตะที่เล่นได้สม่ำเสมอแทบทุกเกม และมันเป็นสิ่งที่แดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดหายไปตลอดหลายซีซั่นที่ผ่านมา

ด้วยวัย 30 ปี หลายคนคิดว่าเขาแก่เกินไปหน่อย แต่ในฟุตบอลสมัยใหม่มันมีวิธีการเล่นเสมอ เพื่อชดเชยความเสื่อมของสภาพร่างกาย แม้ตอนนี้เขาอาจจะอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพค้าแข้งแล้ว แต่ด้วยทักษะ ฝีเท้า และความเร็วที่ยังมี ถ้าไม่บาดเจ็บหนักเขาอาจจะเล่นได้ถึง 35 ปีเลยก็ได้ บทสรุปคือแม้จะมาแบบฉุกเฉิน แต่ดีลนี้ก็วินๆ กับทั้งสองฝ่าย และมองว่า คาเซมิโร่ ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย และยังเป็นกองกลางระดับอ๋องแบบไม่มีข้อสงสัย.


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น