“ผมเริ่มหลงรัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างจริงจังเมื่อตอนที่เห็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เล่นที่นี่ และผมก็กลายเป็นแฟนตัวยงของสโมสรแห่งนี้ตั้งแต่นั้นมา” บรูโน่ แฟร์นานเดส กล่าวไว้ ในวันที่เขาย้ายเข้ามาร่วมทีมกับ “ปีศาจแดง”
มันไม่แปลกอะไรที่นักเตะใหม่จะพูดแบบนี้ เพราะการพูดจาเอาใจแฟนบอล มันจะทำให้การเริ่มต้นใหม่นั้นง่าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการให้สัมภาษณ์ คือเขาไม่ได้แค่พูด แต่เขาแสดงให้เห็นว่าเขาอยากจะทำให้ทีมดีขึ้นจริงๆ
การย้ายเข้ามาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยค่าตัว 55 ล้านปอน์ดของ บรูโน่ แฟร์นานเดส ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ถือเป็นอิมแพ็คสำคัญต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะหลังจากแข้งชาวโปรตุกีส ย้ายเข้ามาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาสามารถพาทีมกลับมาจบในอันดับ 3 ของตารางคะแนนได้ หลังจากในฤดูกาลนั้นต้องชิงตั๋วยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ถึงเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล
4 นัด หลังจากที่เขาลงเล่นให้กับสโมสร มันคือเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่แมนยูต้องเปิดบ้านพบกับแมนฯ ซิตี้ บรูโน่ แฟร์นานเดสพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นเลยว่าเขาอ่ะตัวจริง และคือคนที่ทำให้ปีศาจแดงเปลี่ยนไป
การยกบอลข้ามผู้เล่นของเรือใบสีฟ้าให้กับอ็องโตนี่ มาร์ซิยาล จากจังหวะฟรีคิกที่ต้องใช้ไหวพริบสูง อันนำมาซึ่งประตูสำคัญ เปลี่ยนรูปเกมนัดนั้นไปโดยสิ้นเชิง และจบเกมกลายเป็นฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศศักดา และใช้ประโยคคลาสสิกว่า “แมนเชสเตอร์เป็นสีแดง” อีกครั้ง
บรูโน่ไม่ได้มีดีแค่ผลงานในสนาม แต่แข้งชาวโปรตุกีสยังพิสูจน์ตัวเองว่า เขามีความรับผิดชอบต่อยามที่ผลงานของทีมย่ำแย่ เมื่ออดีตเจ้านายอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ถูกแฟนบอลโห่ไล่ และตะโกนด่า หลังจากพาทีมบุกไปพ่าย “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด 4-1 ในฤดูกาลนี้
นักเตะคนแรกที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ และออกมาปกป้องเจ้านายของเขาก็คือ บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่ชี้นิ้วส่งสัญญาณไปถึงแฟนบอลว่าไม่ควรตำหนิ โซลชาร์ เพียงคนเดียว เพราะนักเตะในทีมทุกคนก็มีส่วนต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ครั้งนี้เช่นกัน
ปัจจุบันจอมทัพรายนี้ ทำไปแล้ว 49 ประตู กับ 39 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 117 เกมให้กับปีศาจแดง ซึ่งเจ้าตัวก็พึงเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมจนถึง 2026 พร้อมออฟชั่นขยายอีก 1 ปี
บรูโน่ กล่าวหลังได้รับสัญญาฉบับใหม่ว่า “ตั้งแต่ตอนที่ผมย้ายมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมได้มีความสัมพันธ์พิเศษกับสโมสร และแฟนบอลที่น่าทึ่งของเรา ผมโตมากับการดูทีมนี้ ฝันว่าสักวันจะได้มีโอกาสเล่นที่นี่”
“ความฝันนั้นกลายเป็นความจริง และเป็นเกียรติ”
“แม้จะผ่านไป 2 ปีแล้ว ก็ยังรู้สึกอัศจรรย์ที่ได้ก้าวออกไปที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ยินแฟนๆ ร้องเพลงของผม และทำประตูหน้าสเตรทฟอร์ดเอนด์ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สวมเสื้อตัวนี้ และต่อสู้เพื่อสโมสรอันน่าทึ่งของเรา
“ยังมีอีกมากที่ผมต้องการทำที่นี่ เพื่อบรรลุเป้าหมาย และผมรู้ว่านั่นก็เหมือนกันสำหรับทีม และทีมงานที่เหลือ เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องการมอบความสำเร็จให้กับแฟนๆ ที่พวกเขาสมควรได้รับ”
“เราได้แบ่งปันช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ดีที่สุดยังไม่มาจากตัวผม และทีมนี้”
คำพูดหลังเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีม ยังคงเหมือนวันแรกที่เขามาเหยียบโรงละครแห่งความฝันแห่งนี้ แม้ในวันนี้ บรูโน่ แฟร์นานเดส จะยังไร้ความสำเร็จกับสโมสร แต่เพลย์เมคเกอร์รายนี้ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ว่าเขาคือคนสำคัญของสโมสร ละเชื่อว่าความทุ่มเท และหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของเขา จะนำพาถ้วยแชมป์กลับมาอีกครั้งในอีกไม่นานนี้.