เกมการแข่งขันนัดที่ 14 ตามโปรแกรมของฤดูกาล 2022/23 เมื่อคืนที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องมาปราชัยให้กับการบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า 3-1 หลังจากไร้พ่ายรวมทุกรายการ 9 เกมติด โดยรูปเกมคือการที่เจ้าถิ่น เปิดฉากได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 8 จากจังหวะที่ เจคอบ แรมซี่ย์ จ่ายให้ เลออน ไบลี่ย์ พาบอลเข้าเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย จากนั้นนาทีที่ 11 “สิงห์ผงาด” ได้ฟรีคิกระยะหวังผล และเป็น ลูก้าส์ ดีญ รับหน้าที่ซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาดเป็น 2-0
กระทั่งนาทีที่ 45 แมนยูฯ ไล่มาเป็น 1-2 เมื่อ ลุค ชอว์ ตะบันด้วยซ้ายจากนอกกรอบ บอลแฉลบ เจคอบ แรมซี่ย์ พุ่งเข้าประตูไปเลย และกลายเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ แรมซีย์ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 2-1 ในช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 48 วิลล่า ทำประตูทิ้งห่างจาก เจคอบ แรมซีย์ ที่ยิงด้วยขวาพุ่งเสียบมุมขวาบนเข้าไป ส่วนช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จึงทำให้เกมจบกันไปด้วยผลสกอร์ 3-1
ไลน์อัพแมนยูเกมนัดเมื่อคืน
เริ่มจากการจัดทัพเมื่อคืนของ เอริก เทน ฮาก ในไลน์อัพขึ้นเป็นแผน 4-2-3-1 โดยกองหน้าใช้ CR7 ปีกซ้าย อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกขวา มาร์คัส แรชฟอร์ด หน้าต่ำ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ออกสตาร์ทตัวหลัก คริสเตียน อีริคเซ่น และ คาเซมิโร่ กองหลัง 4 คน แบ็คซ้าย ชอว์ แบ็คขวา ดิโอโก้ ดาโลต์ เซ็นเตอร์ ลิซานโดร มาร์ติเนซ จับคู่กับ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และผู้รักษาประตูเป็น ดาบิด เด เคอา
เกมนี้จะขาดผู้เล่นหลักอยู่ถึง 5 ราย ได้แก่ ราฟาเอล วาราน, แอนโทนี่ ซานโตส กับ จาดอน ซานโช่ ที่ยังเข้าโรงหมออยู่ทั้งหมด แถมยังต้องเสียตัวรุกหัวใจสำคัญอย่าง บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่ติดโทษแบนห้ามลงสนามอีก ขณะที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล แม้จะหายจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็ยังไม่ฟิตสมบูรณ์พอ จึงถูกส่งลงมาในครึ่งหลังในนาทีที่ 66
ชำแหละหลังเกม
เริ่มจากกุนซือใหม่ของ แอสตัน วิลล่า อย่าง อูไน เอเมรี่ ถือเป็นของแสลงในยามที่ “ปีศาจแดง” เจอ ตั้งตอนสมัยคุม อาร์เซน่อล ก็ไม่เคยแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด สักนัด รวมถึงตอนคุม บียาร์เรอัล ก็มีชัยเหนือแมนยูในนัดชิง ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก โดยเกมนี้ อูไน วางแผนให้ลูกทีมบีบสูง แล้วเพรสซิ่งเข้าใส่ทุกจังหวะจนผู้มาเยือนต่อบอลทำชิ่งกันไม่ถนัด กว่าจะลำเลียงลูกผ่านครึ่งสนามขึ้นมาได้จึงต้องใช้เวลานาน
เมื่อผ่านครึ่งสนามขึ้นมาได้เกมรุกก็สุดจะฝืด โดยเฉพาะ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ที่ได้โอกาสลงตัวจริงแทน บรูโน่ ซึ่งไม่มีตัวตนอยู่ในเกม และสุดจะห่วยแตก ทั้งที่เกมยุโรปกับโซเซียดัดกลางสัปดาห์ เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่เกมนี้ก็ดันกับได้ลงสนามอีก ซึ่งให้พูดตามตรงเหมือนแมนยูมีผู้เล่นในสนาม 10 คน และมันทำให้เกมบุกขาดความหลากหลาย รวมถึงทำให้ทีมผ่านบอลกันสะเปะสะปะมาก ขาดๆ เกินๆ เหมือนต่างคนต่างเล่น
คำถามคือ เดอ เบค ยังเหมาะกับทีมเราอยู่ไหม? สิ่งหนึ่งที่ ดอนนี่ สู้ บรูโน่ ไม่ได้เลยคือเรื่องวิ่ง ถึงบรูโน่จะขี้บ่น แต่วิ่งบี้ให้ทีมเล่นง่ายขึ้นแบบวิ่งสู้ฟัดวิ่งไม่พัก แถมยังลงมาช่วยป้องกันในจังหวะสำคัญอยู่เสมอ แต่พอเขาหายไปสังเกตดูว่าแทบไม่มีตัวไล่บี้เลยในแดนหน้า นั้นจึงทำให้อีกฝ่ายเล่นง่ายขึ้น ซึ่งดอนนี่เอาแต่ยืนมอง และอีกหนึ่งคนที่ไม่ช่วยเลยคือ โรนัลโด้ ที่ไม่วิ่งเพรสอะไรเลยในเกมนี้
ส่วนเกมรุกอีก 2 คนอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด เกมนี้ก็ฝืดๆ และไม่ค่อยเฉิดฉาย อาจเป็นเพราะต้องโดนโยกไปเล่นเป็นกองหน้ากึ่งปีกขวา เพื่อให้เจ้าหนู อเลฮานโดร การ์นาโช่ ได้เล่นในพื้นที่ถนัด แต่สุดท้ายเขาก็ยังเด็กเกินไปกว่าที่จะหวังพึ่งได้
ความผิดพลาดที่ก่อให้เกิดการเสียสามประตู
ทัพ “ปีศาจแดง” อุตส่าห์เล่นเกมรับได้เหนียวมาเกือบ 10 เกม โดยจาก 8 นัดทุกรายการเสียไปแค่ 2 ประตูเท่านั้น แต่บทจะเสียประตูง่ายๆ ก็เสียง่ายแบบเละเทะกันเลย ซึ่งเกมนี้แนวรับถือว่าผิดพลาดกันหลายคน แต่ที่น่าผิดหวังที่สุดหนีไม่พ้น ลินเดอเลิฟ ที่เล่นแบบปอดแหกถอยอย่างเดียว โดยประตูแรกที่โดนเกิดจากการที่ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ขึ้นไปสูงเกือบครึ่งสนาม จนผิดพลาดหลุดจากตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งแทนที่จะเจ้าตัวจะเข้าสกัดตัดเกม แต่ดันปล่อยให้เขาพาบอลมายิง
ประตูที่ 2 ก็จ่ายบอลกันไม่ดีจน ลุค ชอว์ ต้องทำฟาวล์เสียฟรีคิกในระยะหวังผล และเป็นไปตามคาด ลูก้าส์ ดีญ ของวิลล่ารับหน้าที่ซัดบอลพุ่งเสียบเสาแรกอย่างเฉียบขาด ส่วนประตูที่ 3 คือในช่วงต้นครึ่งหลังจากจังหวะสวนกลับเร็วของ แอสตัน วิลล่า และยังคงเป็น ลินเดอเลิฟ ที่ไม่สามารถป้องกัน โอลลี่ วัตกิ้นส์ ที่ผ่านบอลให้ เจคอบ แรมซี่ย์ จึงถือเป็นอีกความผิดพลาดของกองหลังสวีเดนอีกครั้ง.